กำไลนะโม

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

กำไลลายนะโม เป็นเครื่องประดับที่ใช้เนื้อเงิน 95 % สลักลายหลักเป็น “ลายนะโม” และตกแต่งด้านข้างเป็นลายดอกพุดตาน ถือเป็นเอกลักษณ์ของงานเครื่องถมเมืองนครฯ ที่นำเครื่องถมเงินสลักลวดลายไทย อาทิ ลายดอกพุดตาน มารวมกับการเม็ดนะโม หรือลายนะโม ซึ่งมาจากความเชื่อของเม็ดนะโมที่เจ้าเมืองนครฯ ในอดีต เคยทำพิธีโปรยเม็ดนะโมปลุกเสกคาถาจากพระเกจิอาจาย์เพื่อล้างสิ่งอัปมงคล โรคระบาด ความทุกข์ยากของประชาชนในเมืองนครฯ ในอดีต จนกลับมาเป็นปกติสุข จนความเชื่อสืบมาถึงปัจจุบัน จึงมีความเชื่อว่าใครที่สวมใส่เม็ดนะโมจะแคล้วคลาดปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุข

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องโลหะ
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
7.5 เซนติเมตร
วัสดุ :
:เงิน 95%
อายุ/ปีที่ผลิต :
2563
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : การถมเงิน
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :
ขั้นตอนการทำยาถม : ยาถมจะมีส่วนประกอบของตะกั่ว ทองแดง เนื้อเงิน และกำมะถัน เป็นสูตรลับเฉพาะของช่างแต่ละสำนักหรือช่างแต่ละบ้าน จากตำราการทำเครื่องถมโบราณกล่าวว่า “วัว 5 ม้า 6 บริสุทธิ์ 4 ผสมกันแล้วขัดด้วยกำมะถัน ได้ยาถมแล…” เคล็ดลับการทำยาถมที่สำคัญ คือ การหลอมส่วนประกอบทั้ง 4 ชนิด เข้าด้วยกันที่ความร้อน 700 องศาเซลเซียส ตลอดระยะเวลา 3-7 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทำน้ำยาถม ในระหว่างการหลอมนั้นต้องค่อย ๆ คนยาถมเข้าด้วยกัน และทยอยใส่กำมะถันทีละนิด สังเกตสีของยาถมให้มีสีดำเสมอกัน ความดำจะขึ้นอยู่กับปริมาณกำมะถันที่ใช้ ยาถมที่ดีจะมีสีเหมือนปีกแมลงทับ มีความดำเงาเลื่อมสีม่วง จากนั้นปั้นเป็นก้อน ทิ้งให้เย็นเก็บไว้รอนำไปใช้ ซึ่งขั้นตอนการหลอมจะมีกลิ่นของกำมะถันแรงมาก จึงต้องหลอมในที่ที่ปลอดคน ห่างไกลชุมชน เช่น ทุ่งนา กำมะถันหรือที่โบราณเรียกว่า “สุพรรณถัน” จะมีลักษณะเป็นสีเหลือง ได้มาจากภูเขาไฟ สามารถหาได้ในไทย แต่ละชิ้นใช้เวลาทำ 1 เดือน

ขั้นตอนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน :

  1. เตรียมเนื้อโลหะ : นำเม็ดเงิน 95% มาผสมกับทองแดง 5% หลอมให้เข้ากัน ในการหลอมต้องใช้น้ำประสานทองใส่ผสมลงไปในขณะหลอมด้วย และใช้ถ่านไฟคนหรือกวน ถ้าโลหะผสมกันดีแล้ว จะเป็นสีม่วงและผิวเรียบเกลี้ยงเป็นเงามัน แล้วเทลงราง ออกรูปเป็นแผ่นเงิน
  2. ตีแผ่ขึ้นรูปด้วยมือ : โดยใช้ พะเนิน หรือ ค้อนใหญ่ ขึ้นรูปเป็นรูปทรงหรือภาชนะต่าง ๆ ตามต้องการโดยต้องมีความหนาพอสมควร ช่างเครื่องถมต้องใช้ความชำนาญอย่างมากโดยควบคุมไฟด้วยตะเกียงน้ำมันแบบเหยียบ หรือที่เรียกว่า “ขาต๊ะ”
  3. เขียนลาย : ร่างลวดลายด้วยดินสอแล้วนำมาลอกลายด้วยหมึกจีน โดยหลักต้องเขียนลายให้เกิดความสมดุล ลายที่เขียน ได้แก่ ลายกนกเปลว ลายใบเทศ ลายดอกพุดตาน
  4. การสลักลวดลาย : ช่างจะทำความสะอาด และแต่งผิวรูปพรรณให้เรียบ แล้วใช้สิ่วแบบต่าง ๆ สลักลวดลายด้วยมือ ตอกเป็นรอยลึกลงไปตามลวดลายที่เขียนไว้ โดยไม่ให้ผิวโลหะหลุดออกเป็นชิ้น และสลักให้มีรอยนูนดุนออกไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนที่สลักลวดลายนี้ เป็นพื้นที่ที่จะถูกเคลือบด้วยยาถมต่อไปจนเต็ม
  5. ทำความสะอาดพื้นผิว : นำชิ้นงานไปเผาและนำมาแช่กรดเจือจาง
  6. ลงยาถม : ลงยาด้วยการใช้ความร้อนเป่าละลายยาถมให้น้ำยาถมแล่นไปตามช่องลายที่ทำไว้ ต้องใช้ความระมัดระวังระหว่างลงยาถม ให้น้ำยาถมแล่นเสมอกัน ไม่เป็นก้อนซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของช่างแต่ละคน โดยลงยาถมให้ทั่วทั้งชิ้นงาน โดยจะลงยาถม 2 รอบ โดยรอบแรกจะเป่าให้ร้อนให้ยาถมวิ่งทั่วร่องลายที่แกะสลักไว้
  7. ขัดชิ้นงาน : เมื่อยาถมเย็นลงแล้วนำมาขัดหยาบด้วยกระดาษทรายหยาบ จากนั้นขัดละเอียดด้วยกระดาษทรายที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้น แล้วจึงขัดเงาด้วยลูกผ้า (เครื่องขัด)
  8. ขัดเงาชิ้นงาน :  ขัดด้วยดินขาวและดินแดง โดยใช้ดินแดงก่อนแล้วจึงมาขัดเงาด้วยดินขาว
  9. เพลาลายหรือแรเงาชิ้นงาน :  เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ในการที่จะขับลวดลายที่สลักลงไปให้โดดเด่น โดยการใช้สิ่วสกัดให้เกิดมิติเป็นประกายแวววาว เห็นลวดลายที่ชัดเจน สร้างความงามให้กับงานเครื่องถม ด้วยการทำให้มีแสงเงามากยิ่งขึ้น
ข้อมูลแหล่งที่มา

สถานที่

กลุ่มเครื่องถมเงินนาเรียง ตำบลนาเรียง  อำเภอพรหมคีรี  จังหวัด นครศรีธรรมราช