การสานต้นคลุ้ม ประกอบด้วยไม้และสายไฟ สามารถใช้เป็นกระจูดนำมาสานได้เป็นโคมไฟ
ขั้นตอนและวิธีการทำ:
     1.นำกระจูดที่ได้มา ล้างโคลนให้สะอาด ตากผึ่งลมเพื่อให้แห้ง โดยตากในร่ม
     2.เข้าเครื่องรีดกระจูด ตัดเส้นตามขนาดที่ต้องการ (เป็นสีธรรมชาติ)
     3.ยอมสี โดยการต้มสีย้อมกก(สีเคมี) ประมาณ 15 นาที ล้างน้ำตากผึ่งลมเพื่อให้แห้ง โดยตากในร่ม
     4.เคลือบเส้นกระจูดเพื่อให้เส้นกระจูดมีความแข็งแรงคงทน ด้วยการจุ่มดินโคลนแล้วนำขึ้นเลย ตากให้แห้ง
     5.นำมาสานให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยขึ้นรูปด้วยการตัดโฟมให้เป็นทรงที่ต้องการ เริ่มจากลายขัดตามทรง
     6.ประกอบไม้เจาะรู ประกอบขั้วหลอดใส่สายไฟ ต่อปลั๊ก

ต้นกระจูดขึ้นในป่าพรุ  ในสมัยก่อนได้นำต้นกระจูดมาใช้ประโยชน์ โดยการนำมาจักรสานด้วยมือ เป็นเครื่องใช้ เช่น เสื่อปูนอน เสื่อตากข้าวเปลือก ของใช้ในครัว ส่วนที่เหลือก็นำไปขายเพื่อเป็นรายได้กับครัวเรือน บ้านเนินธัมมัง ผู้คนส่วนใหญ่ อาชีพหลักคือการทำนา, ตัดไม้, เผาถ่าน, เลี้ยงสัตว์

เมื่อ พ.ศ. 2536 สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร ณ.บ้านเนินธัมมัง และพบหลายปัญหาของราษฎรในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะพื้นที่เป็นป่าพลุประสบปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำทุกปี สภาพดินเป็นเปรี้ยว ทำให้ประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรไม่ได้ผลเท่าที่ควร เป็นผลให้ราษฎรเดือดร้อน

สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จึงได้มีพระเสาวนีย์ให้จัดตั้งโครงการศิลปาชีพ ขึ้นมาซึ่งได้ทรงเห็นว่าในพื้นที่ ที่มีต้นกระจูดซึ่งเป็นวัตถุดิบอยู่ในท้องถิ่นอยู่แล้วจำนวนมาก เมื่อปี พ.ศ. 2537 ได้ทรงเริ่มส่งเสริมงานการแปรรูปกระจูด ทรงได้จัดให้มีครูมาสอนให้กับสมาชิกกลุ่ม
เพื่อพัฒนาจากรูปแบบเก่าๆ ให้มีรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จนปัจจุบันผลิตภัณฑ์ได้ในรูปแบบที่หลากหลาย เป็นของใช้และของประดับตกแต่ง
ที่ทันยุคทันสมัยมากขึ้น

โคมไฟ สานด้วยลายขัดธรรมดา จากต้นคลุ้ม สลับสีแดง สีน้ำตาล สีธรรมชาติ ทรงกระบอก ด้านในใส่หลอดไฟ มีที่สำหรับไว้แขวนและสายไฟออกด้านบน สามารถใช้วัสดุกระจูดมาสานได้ด้วยเช่นกัน