แจกันประดับเปลือกไข่

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

แจกันทรงกลมประดับเปลือกไข่ เป็นชิ้นงานศิลปะเครื่องรักที่ครูมานพพัฒนาขึ้นจากภูมิปัญญางานหัตถกรรมเครื่องรักที่นิยมทำขึ้นทางภาคเหนือของไทย ฉีกแนวเครื่องเขิน (ภาชนะ เครื่องมือ หรือ ของใช้ของ ที่ทำขึ้นโดยผู้มีเชื้อสายสืบมาจากไทเขินแต่โบราณ) แบบไทยโบราณ ให้เป็นงานศิลปะสไตล์โมเดิร์น ใช้เทคนิคการนำเสน่ห์ของผิวเปลือกไข่สีขาวนวล ชิ้นเล็ก ๆ หลายๆขนาด มาติดบริเวณจากก้นแจกันไล่ขึ้นไปเป็นลวดลายไล่ลำดับจากเปลือกไข่ขนาดใหญ่ ไปถึงขนาดเล็ก วางจังหวะการติดให้มีมิติ เคลือบผิวแจกันด้วยยางรักหลายชั้นในแต่ละขั้นตอน ลวดลายของเปลือกไข่สีขาวนวลแทรกซึมด้วยสีของยางรักประดับบนผิวแจสีกันสีดำเงา กลายเป็นชิ้นงานศิลปะที่งดงามถูกใจนักสะสมผลงานศิลปะไปทั่วโลก

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องรัก
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
สูง 23 เซนติเมตร เส้นรอบวง 86 เซนติเมตร
วัสดุ :
1. แจกันไม้สัก 2. เปลือกไข่เป็ด 3. ดินสอพอง 4. รัก 5. สีฝุ่น 6. น้ำมันพืช 7. น้ำมันสน 8. ผงไทเทเนียม 9. สำลี
อายุ/ปีที่ผลิต :
2566
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : การเคลือบยางรัก และติดเปลือกไข่
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :

  1. การเตรียมรัก : นำยางรักดิบไปตากแดดให้ร้อนเพื่อให้รักละลาย แล้วนำมากรองด้วยผ้าซับใน โดยรอบแรกจะกรองด้วยผ้าขาวบาง 1 ชั้น รอบที่สองกรองด้วยผ้าขาวบางพับทบกัน 4 ชั้น และรอบที่สามกรองด้วยผ้าขาวบางพับทบกันอีก 8 ชั้น ในขึ้นตอนนี้ครูมานพได้พัฒนาเครื่องมือบีบยางรักจากผ้าขาวบางที่ขึงตรึงสองฝั่งบีบม้วนให้ยางรักไหลผ่านผ้าขาวบาง เพื่อช่วยทุ่นแรงในการเตรียมยางรักที่ใส ไม่มีสิ่งจือปน พร้อมนำไปใช้งาน
  2. การเตรียมดินสอพอง : นำก้อนดินสอพองแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำมากวนและบี้ให้เนื้อดินสอพองละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้ภาชนะตักขึ้นเพื่อกรองผ่านกระชอน ในรอบแรกหากมีเศษผงหรือสิ่งสกปรกควรเททิ้งก่อนกรองครั้งต่อไป กรองต่อเนื่องกันจนครบ 8 รอบ เพื่อให้เนื้อดินสอพอเนียนละเอียดไม่มีสิ่งเจอปน หุ้มภาชนะที่ใส่ด้วยพลาสติก แล้วทิ้งไว้ให้ดินสอพองแยกชั้นนอนก้น ประมาณ 2 สัปดาห์ ระหว่างนี้ให้ค่อยๆ รินน้ำออกทุกคืน เพื่อให้เหลือแต่เนื้อดินสอพองที่พร้อมใช้งาน ( หากมีเวลาสามารถตั้งทิ้งไว้ได้ถึง 2 เดือน จะได้ดินสอพอพร้อมใช้ที่มีคุณภาพดีมากขึ้นอีก)
  3. การทำรักสมุก : นำดินสอพองที่เตรียมไว้ผสมกับยางรักนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยใช้เกรียงปาดสีนวดบนแผ่นกระจกใสไล่เนื้อดินสอพองไปเรื่อยๆ จนได้รักสมุกที่มีสีสม่ำเสมอเรียบเนียนพร้อมใช้  (ห้ามใช้วิธีการตีเพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศ)
  4. การเตรียมชิ้นงาน : กำหนดลักษณะของชิ้นงาน และสั่งผลิต สำหรับชิ้นนี้เป็นแจกันที่ทำจากไม้สัก เมื่อได้ชิ้นงานมาแล้วนำขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 100 เพื่อให้ผิวไม้เรียบได้ทรง จากนั้นนำแปรงเล็กมาปัดฝุ่นให้ชิ้นงานสะอาด (กรณีที่เป็นไม้เนื้ออ่อน ให้นำไปแช่ในน้ำยาฆ่าแมลงผสมน้ำ ในอัตราส่วน น้ำ 3 ส่วน ยาฆ่าแมลง 2 ส่วน ประมาณ 25 วัน แล้วทิ้งให้แห้ง )
  5. การลงรักสมุก : นำรักสมุกที่เตรียมไว้มาทาลงบนผิวชิ้นงานทั้งด้านในและด้านนอกด้วยพู่กัน ทาบาง ๆ 1 รอบ แล้วทิ้งชิ้นงานให้ในห้องตั้งชิ้นงาน ประมาณ 1 สัปดาห์
  6. การลงรัก : นำชิ้นงานที่ทิ้งให้แห้งแล้วมาขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 600 ที่ห่อหุ้มด้วยยาง ปัดทำความสะอาดแล้วมาลงรักรอบที่ 1 ด้วยการใช้พู่กันทายางรักลงบนผิวชิ้นงานให้ทั่วบริเวณทั้งด้านในและด้านนอกอย่างสม่ำเสมอ แล้วนำไปตั้งทิ้งไว้ให้แห้งในห้องตั้งชิ้นงาน 7 วัน แล้วนำชิ้นงานมาขัดอีกครั้ง แล้วทายางรักซั้ำอีกครั้งเป็นรอบที่ 2 ทิ้งให้แห้งเช่นเดิม แล้วทายางรักรอบที่ 3 เป็นรอบสุดท้าย ซึ่งรอบนี้ต้องป้ายพู่กันไปทางเดียวกัน เพราะถือเป็นการเก็บงานให้สมบูรณ์ นำไปทิ้งไว้ให้แห้งเช่นเดิมอีก 7 วัน
  7. การติดเปลือกไข่ : มีขั้นตอนดังนี้
    ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมเปลือกไข่ โดยนำเปลือกไข่เป็ดมาลอกเยื่อด้านในออกล้างให้สะอาดทิ้งให้แห้ง แล้วนำมากดหรือบดเปลือกไข่ในครกให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นคัดเลือกขนาดของชิ้นเปลือกไข่ที่มีขนาดเท่าๆ กัน ไว้ด้วยกัน ด้วยการกรองด้วยมุ้งลวด หรือกระชอนที่มีขนาดช่องแตกต่างกัน
    ขั้นตอนที่ 2 : ทารักลงบนผิวชิ้นงานบริเวณที่ต้องการติดเปลือกไข่ไม่ให้บางหรือหนาจนเกินไป ในขั้นตอนนี้ต้องใช้รักเก่าที่มีอายุอยู่ในช่วง 5-6 ปี เนื่องจากมีความเหนียวสามารถเป็นกาวประสานได้อย่างดีเยี่ยม
    ขั้นตอนที่ 3 : ใช้เปลือกไข่ด้านในหงายขึ้น นำเหล็กแหลมจุ่มยางรักแล้วจิ้มชิ้นเปลือกไข่ วางติดลงบนผิวชิ้นงานที่ทารักไว้แล้วให้ได้จังหวะและลวดลายตามต้องการ ซึ่งในขั้นตอนนี้ควรติดเปลือกไข่ให้เสร็จภายในครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ยางรักที่ผิวแห้ง
    ขั้นตอนที่ 4 : เมื่อติดเปลือกไข่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ทารักปิดทับเปลือกไข่และผิวงานทั้งชิ้น แล้วนำไปตั้งทิ้งไว้ให้แห้งในห้องตั้งชิ้นงาน ประมาณ 4 - 5 วัน แล้วนำมาทารักซ้ำและทิ้งให้แห้งอีกรวมเป็น 4 รอบ จนกว่ารักจะเคลือบเสมอเท่ากับกับผิวของเปลือกไข่
    ขั้นตอนที่ 5 : เมื่อเห็นว่าผิวของเปลือกไข่เสมอเท่ากันแล้ว นำชิ้นงานที่แห้งแล้วมาขัดด้วยผิวแต่ละรอบด้วยกระดาษทรายเบอร์ 320, 600, 800, 1,000 และ 2,000 หุ้มด้วยยางตามลำดับ
  8. การขัดเงา : นำน้ำยางรักใส่ภาชนะคลุมด้วยพลาสติกใสแล้วนำไปตากแดด ประมาณ 1 ชั่วโมง ยางรักจะตกตะกอน ให้แกะผิวรักชั้นบนออกจะมีน้ำใสจากการตกตะกอนอยู่ด้านบน ให้นำสำลีชุบน้ำยางรักใสเช็ดชิ้นงานให้ทั่ว แล้วตั้งทิ้งไว้ในห้องตั้งชิ้นงาน 1 คืน วันที่สองให้นำสำลีชุบน้ำมันพืชเช็ดชิ้นงานให้ทั่ว แล้วนำสำลีชุบน้ำมันพืชและผงไทเทเนียมเช็ดขัดให้ขึ้นเงาให้ทั่วประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนให้ใช้สำลีชุบด้วยน้ำยางรักใสซ้ำอีก แล้วทิ้งไว้ 1 คืน ทำขั้นตอนทั้งหมดนี้จนครบ 3 รอบ ซึ่งในขั้นตอนการขัดเงานี้ จำเป็นต้องเช็ดขัดทีละส่วนด้วยจำนวนรอบที่เท่า ๆ กัน ให้ครบทุกส่วน เพื่อให้ผิวชิ้นงานมีความเงาที่สม่ำเสมอและเท่ากันทั้งชิ้นงาน จึงจะถือว่าเป็นผลงานเสร็จสมบูรณ์
  9. การกันลื่น : นำไข่ขาวสด 2 ส่วน กับรัก 3 ส่วน บดผสมด้วยลูกประคบให้เข้ากัน นำไปประคบแตะให้ทั่วบริเวณก้นของชิ้นงานทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 3 วัน จะช่วยทำพื้นก้นของให้ชิ้นงานไม่ลื่นปลอดภัยต่อการนำไปตั้งวาง
    ในขั้นตอนการขัดผิวชิ้นงานด้วยกระดาษทรายทุกครั้ง ต้องใช้ความชำนาญและเทคนิคพิเศษ คือ แต่ละรอบของการขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ต่าง ๆ จะต้องไม่เปลี่ยนกระดาษทรายชิ้นใหม่ เพื่อให้แต่ละรอบการขัดมีน้ำหนักและผิวขัดของกระดาษทรายมีความละเอียดเท่ากัน อีกทั้งจำนวนครั้งของการขัดแต่ละส่วนควรต้องเท่ากัน ชิ้นงานที่ได้จึงจะมีพื้นผิวที่เรียบสวยงามสม่ำเสมอเท่ากันทั้งชิ้นงาน
ข้อมูลแหล่งที่มา