ช้างเอราวัณ เป็นงานแกะสลักช้างไม้แบบลอยตัว มี 33 หัว โดยแกะให้ตัวช้างมีเศียรหลัก 3 หัว และแกะหัวช้างอีก 30 หัวอยู่ด้านบน ตัวช้างตั้งท่อนไม้ มีช้างชั้นสวรรค์อีก 2 ช้างอยู่ด้านข้างท่อนไม้ คือ ช้างมาตังครกรีเทพ เป็นช้างที่มีภาพวาดเทวดาอยู่บนร่างกาย และ ช้างคิรีเมขล์ไตรดายุค เป็นช้างมีสามหัว โดยชิ้นงานนี้แกะจากไม้มะขามเทศอายุกว่า 100 ปี เพียงท่อนเดียว
ต้นแบบของชิ้นงานนี้มาจากภาพใน “ตำราคชลักษณ์” ที่ครูเพชรต้องการถ่ายทอดจากภาพวาดมาเป็นหุ่นแบบลอยตัว ซึ่งจากภาพวาดนั้นหัวช้างทั้ง 33 หัว จะวาดเรียงกันไปด้านเดียว ครูเพชรจึงใช้จินตนาการแกะให้หัวช้างมองได้รอบด้าน โดยใช้แบบการแกะช้าง 3 หัว ที่มีอยู่แล้ว เพิ่มการแกะหัวช้างอีก 30 หัว ให้อยู่ด้านบนและจัดวางตำแหน่งของหัวช้างให้สมดุลสวยงาม จึงอาจกล่าวได้ว่าประติมากรรมช้างเอราวัณ 33 หัว ในลักษณะลอยตัวสามมิตินี้ ปัจจุบันมีอยู่เพียงแบบเดียวในโลก ส่วนช้างอีก 2 ช้าง ที่อยู่ด้านข้างท่อนไม้ ก็แกะจากไม้กิ่งใหญ่ของท่อนไม้มะขามเทศท่อนเดียวกัน จึงนับเป็นชิ้นงานแกะสลักช้างชิ้นพิเศษของครูเพชรอีกชิ้นหนึ่ง
ช้าง เป็นสัตว์บกขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับคนไทยอย่างลึกซึ้งมาช้านาน ทั้งด้านสังคม การค้า และประเพณี โดยเฉพาะช้างเผือกถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกษัตริย์และแผ่นดินไทย ทั้งใช้ในการรบยามศึกสงคราม พระราชประเพณีต่าง ๆ หากช้างมีลักษณะดีถูกต้องตามหลักคชลักษณ์ก็จะได้รับเลือกเป็นช้างคู่บารมีของพระกษัตริย์ไทย ดังนั้นจึงปรากฏตำราช้าง หรือ “ตำราคชลักษณ์” หลายฉบับ แต่ละฉบับจะอธิบายถึงลักษณะของช้างทั้งที่เป็นช้างศุภลักษณ์ (ดี) และช้างทุรลักษณ์ (ร้าย) โดยแต่ละตำราจะมีการกล่าวถึงความเชื่อของการกำเนิดของช้างตรงกัน ตามคัมภีร์ของพราหมณ์คือเชื่อว่าช้างกำเนิดจากเทพ 4 องค์ โดยมีเนื้อหาว่า ในไตรดายุคเมื่อพระนารายณ์เสด็จลงมาบรรทมบนเกษียรสมุทรโดยประทับบนหลังพระยาอนันตนาคราชบังเกิดมีดอกบัวผุดตรงพระนาภี (สะดือ) ดอกบัวนั้นมี 8 กลีบ 173 เกสร พระนารายร์จึงนำดอกบัวไปถวายพระอิศวร พระอิศวรได้แบ่งดอกบัวออกเป็น 4 ส่วน จัดเป็นส่วนของพระองค์เอง 8 เกสร นอกนั้นแบ่งประทานแก่ พระพรหม 8 กลีบ พร้อมกับเกสรอีก 24 เกสร ประทานแก่พระนารายณ์หรือพระวิษณุ 4 เกสร และประทานแก่พระอัคนี 133 เกสร เทพเจ้าทั้งสี่ได้เนรมิตดอกบัวในแต่ละส่วนของพระองค์ให้บังเกิดเป็นช้างขึ้นในโลก ปรากฏเป็นคชพงศ์ หรือ ตระกูลช้าง 4 ตระกูล ซึ่งต่างก็มีรูปร่างลักษณะ อุปนิสัย และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เป็นไปตามฤทธิ์และอำนาจที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเทพเจ้าผู้เนรมิตให้บังเกิดขึ้น ได้แก่
ซึ่งในตำราคชลักษณ์ ได้กล่าวถึงลักษณะของช้างทั้ง 4 ตระกูล รวมไปถึงการกล่าวถึงลักษณะของช้างชั้นสวรรค์อีก 3 ช้าง ได้แก่
ช้างเอราวัณ หรือ ไอราวัณ ตามตำนานเป็นช้างเทพที่มีขนาดใหญ่สูง 150 โยชน์ มี 33 หัว มีกระพอง 33 กระพอง ใช้เป็นที่ประทับของพระอินทร์ และเหล่าเทพบุตร แต่ละหัวมีงา 7 งา งาแต่ละงายาวถึง 4 ล้านวา งาแต่ละงามีสระบัว 7 สระ แต่ละสระมีดอกบัว 7 ดอก แต่ละดอกมีกลีบ 7 กลีบ มี 7 เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ 7 หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี 7 ชั้น แต่ละชั้นมี 7 ห้อง แต่ละห้องมี 7 บัลลังก์ แต่ละบัลลังก์มีเทพธิดาสถิต 7 องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ 7 นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ 7 ทาสี รวมทั้งนางเทพอัปสรทั้งหมดประมาณ 190,248,432 นาง เทพธิดา บริวารรวมกันทั้งหมดประมาณ 13,331,669,031 นาง หัวทั้ง 33 ของช้าง มีกระพอง 33 กระพอง ใช้เป็นที่ประทับของพระอินทร์ และเหล่าเทพบุตร
เทคนิคที่ใช้ : การแกะสลักไม้แบบลอยตัว
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :