ช้างคิรีเมขละไตรดายุค

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

ช้างคิรีเมขละไตรดายุค เป็นงานแกะสลักช้างไม้แบบลอยตัว ใช้ไม้ขี้เหล็ก ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งแกะได้ยากกว่าไม้สักเล็กน้อย แต่สามารถหาได้ง่ายในปัจจุบัน ต้นแบบของชิ้นงานมาจากภาพใน “ตำราคชลักษณ์” ที่ครูเพชรต้องการถ่ายทอดจากภาพวาดมาเป็นหุ่นแบบลอยตัว โดยคงไว้ซึ่งลวดลาย ลักษณะตามตำราทุกประการ คือเป็นช้างพลาย (ตัวผู้) หนึ่งตัว มี 3 หัว อยู่ในท่ายืน เศียรด้านขวาและเศียรกลางชูงวง เศียรด้านซ้ายงวงคว่ำ ลักษณะงาหงาย ชิ้นงานนี้ครูเพชรทำขึ้นเพื่อนำไปร่วมแสดงในงานต้นแบบเล็ก แสดงในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ณ ส่วนจัดแสดงเฉลิมพระเกียรติหอคำหลวง (Royal Pavilion) ภายใต้แนวคิด “เพื่อนำความรักสู่มนุษยชาติ” (to Express the Love for Humanity)

ช้าง เป็นสัตว์บกขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับคนไทยอย่างลึกซึ้งมาช้านาน ทั้งด้านสังคม การค้า และประเพณี โดยเฉพาะช้างเผือกถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกษัตริย์และแผ่นดินไทย ทั้งใช้ในการรบยามศึกสงคราม พระราชประเพณีต่างๆ หากช้างมีลักษณะดีถูกต้องตามหลักคชลักษณ์ก็จะได้รับเลือกเป็นช้างคู่บารมีของพระกษัตริย์ไทย ดังนั้นจึงปรากฏตำราช้าง หรือ “ตำราคชลักษณ์” หลายฉบับ แต่ละฉบับจะอธิบายถึงลักษณะของช้างทั้งที่เป็นช้างศุภลักษณ์  (ดี) และช้างทุรลักษณ์ (ร้าย) โดยแต่ละตำราจะมีการกล่าวถึงความเชื่อของการกำเนิดของช้างตรงกัน ตามคัมภีร์ของพราหมณ์คือเชื่อว่าช้างกำเนิดจากเทพ 4 องค์ โดยมีเนื้อหาว่า ในไตรดายุคเมื่อพระนารายณ์เสด็จลงมาบรรทมบนเกษียรสมุทรโดยประทับบนหลังพระยาอนันตนาคราชบังเกิดมีดอกบัวผุดตรงพระนาภี (สะดือ) ดอกบัวนั้นมี 8 กลีบ 173 เกสร พระนารายร์จึงนำดอกบัวไปถวายพระอิศวร พระอิศวรได้แบ่งดอกบัวออกเป็น 4 ส่วน จัดเป็นส่วนของพระองค์เอง 8 เกสร นอกนั้นแบ่งประทานแก่ พระพรหม 8 กลีบ พร้อมกับเกสรอีก 24 เกสร ประทานแก่พระนารายณ์หรือพระวิษณุ 4 เกสร และประทานแก่พระอัคนี 133 เกสร เทพเจ้าทั้งสี่ได้เนรมิตดอกบัวในแต่ละส่วนของพระองค์ให้บังเกิดเป็นช้างขึ้นในโลก ปรากฏเป็นคชพงศ์ หรือ ตระกูลช้าง 4 ตระกูล ซึ่งต่างก็มีรูปร่างลักษณะ อุปนิสัย และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เป็นไปตามฤทธิ์และอำนาจที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเทพเจ้าผู้เนรมิตให้บังเกิดขึ้น ได้แก่

  1. ช้างตระกูลอิศวรพงศ์  เป็นช้างวรรณกษัตริย์
  2. ช้างตระกูลพรหมพงศ์  เป็นช้างวรรณพราหมณ์
  3. ช้างตระกูลวิษณุพงศ์  เป็นช้างวรรณแพศย์
  4. ช้างตระกูลอัคนีพงศ์   เป็นช้างวรรณศูทร

ซึ่งในตำราคชลักษณ์ ได้กล่าวถึงลักษณะของช้างทั้ง 4 ตระกูล รวมไปถึงการกล่าวถึงลักษณะของช้างชั้นสวรรค์อีก 3 ช้าง ได้แก่

  • ช้างมาตังครกรีเทพ เป็นช้างที่มีเทวดา 26 องค์ สถิตเพื่อรักษาส่วนต่างๆ ตามร่างกายของช้าง
  • ช้างเอราวัณหรือไอราวัณ  เป็นช้างของพระอินทร์ มี 33 หัว แต่ละเศียรมี 7 งา
  • ช้างช้างคิรีเมขละไตรดายุค เป็นเทพพาหนะของพระอินทร์ มี 3 หัว ประกอบด้วยคชลักษณ์งดงาม และช้างทรงของพญาวสวัตดีมาร ในพุทธประวัติ

มีตำนานกล่าวถึงกำเนินของช้างเอราวัณว่า ในไตรดายุค พระศิวะ (พระอิศวร) ได้ให้พระเพลิงทำเทวฤทธิ์ให้เปลวเพลิงออกจากช่องพระกรรณทั้งสอง  บังเกิดบุตร 2 องค์ จากพระกรรณ์ด้านขวาคือ “พระพิฆเณศ” มีพระพักตร์เป็นช้าง ส่วนพระกรรณ์ด้านซ้ายคือ “พระโกญจนาเนศวร” มีพักตร์เป็นช้าง 3 พระพักตร์ มีพระกร 6 พระกร  และเป็นผู้ทรงบันดาลให้เกิด ช้างเผือก เผือก เอก โท ตรี รวมถึงช้างเอราวัณ ช้างเผือกผู้มี 33 หัว และช้างคิรีเมขละไตรดายุค ช้างเผือกผู้ 3 หัว ซึ่งช้างทั้งสองถือเป็น “เทพยานฤทธิ์” บันดาลไว้ให้เป็นเทพพาหนะของพระอินทร์

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องไม้
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
รวมฐาน สูง 47 เซนติเมตร กว้าง 60 เซนติเมตร ลึก 28 เซนติเมตร
วัสดุ :
1. ไม้ขี้เหล็ก 2.หมึกดำ 3. ผลมะเกลือ 4. น้ำปูนใส 5. สีฝุ่นสีดำ สีทอง และ สีเงิน 6. สีอะคริลิค 7. สีเคลือบสเปรย์
อายุ/ปีที่ผลิต :
2545
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : การแกะสลักไม้แบบลอยตัว
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :

  1. ออกแบบ
    ร่างแบบบนกระดาษ กำหนดท่วงท่า ขนาด และสัดส่วนของชิ้นงานตามต้องการ (บางครั้งก็วาดลงบนชิ้นงานเลย) สำหรับชิ้นงานนี้ครูเพชรต้องการแกะสลักช้างมาตังครกรีเทพ ที่เป็นเพียงภาพวาดจากตำราคชลักษณ์ ถ่ายทอดออกมาให้เป็นช้างคิรีเมขละไตรดายุคเต็มองค์ โดยคงไว้ซึ่งท่วงทา ลักษณะ ตามภาพในตำราคชลักษณ์ทุกประการ
  2. เตรียมไม้
    คัดเลือกไม้ที่จะใช้แกะ ไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานแกะสลัก ได้แก่ ไม้สัก เป็นไม้ที่ไม่แข็งเกินไป มีลายไม้สวยงาม ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศและปลอดภัยจากแมลง แต่ปัจจุบันเป็นไม้หวงห้าม จึงใช้ไม้ที่นิยมรองลงมาเช่น ไม้โมก ไม้สน ไม้ขี้เหล็ก ไม้ขนุน หลักที่สำคัญคือ ไม้ที่นำมาทำการแกะสลักจะต้องไม่มีตำหนิ เพราะจะทำให้งานชิ้นนั้นขาดความสวยงาม สำหรับชิ้นงานนี้เลือกไม้ขี้เหล็ก เมื่อเลือกไม้ได้แล้ว ตัดไม้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมด้วยเลื่อยไฟฟ้าให้ได้ขนาดตามต้องการ
  3. ร่างแบบบนไม้
    ใช้ชอล์กร่างแบบตามที่ได้ออกแบบไว้ลงบนแท่งไม้ ใช้พู่กันจุ่มหมึกสีดำวาดซ้ำเพื่อให้ลายเส้นชัดเจนขึ้น
  4. แกะไม้
    ใช้สิ่วและค้อนแกะลายตามลายที่ร่างไว้บนแท่งไม้ โดยเริ่มจาการสกัดไม้ส่วนที่ไม่ต้องการออกก่อน จนกระทั่งเป็นรูปร่าง แล้วเก็บรายละเอียดและลวดลายบนตัวช้าง ส่วนที่เป็นงาแกะไม้แยกชิ้นแล้วติดด้วยกาว  ส่วนสำคัญของช้างที่ครูเพชรให้ความสำคัญมากที่สุดคือการแกะสลักดวงตา ที่ต้องใช้การสังเกตจากดวงตาช้างจริงๆ  การเข้าถึงความรู้สึก และใช้ความเชี่ยวชาญถ่ายทอดแกะให้ดวงตาของช้างดูมีชีวิต อารมณ์ และความรู้สึกที่เหมือนจริง
  5. ย้อมสีผิว
    นำผลมะเกลือหมักกับน้ำปูนใสผสมสีฝุ่นสีดำทาย้อมลงบนผิวชิ้นงาน ให้ผิวของช้างเข้มเหมือนจริงมากขึ้น ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วใช้แปรงทองเหลืองขัดชิ้นงาน จะได้ชิ้นงานเป็นสีดำเทาดูมีมิติเป็นธรรมชาติ
  6. เคลือบชิ้นงาน
    ใช้สีเคลือบสปรย์ฉีดเคลือบชิ้นงาน
ข้อมูลแหล่งที่มา