ช้างมาตังครกรีเทพ เป็นงานแกะสลักช้างไม้แบบลอยตัว ใช้ไม้ขี้เหล็ก ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งแกะได้ยากกว่าไม้สักเล็กน้อย แต่สามารถหาได้ง่ายในปัจจุบัน ต้นแบบของชิ้นงานมาจากภาพใน “ตำราคชลักษณ์” ที่ครูเพชรต้องการถ่ายทอดจากภาพวาดมาเป็นหุ่นแบบลอยตัว โดยคงไว้ซึ่งลวดลาย ลักษณะ ตามตำราทุกประการ คือเป็นช้างพลาย (ตัวผู้) อยู่ในท่ายืนชูงวง ลักษณะงาหงาย มีภาพเทวดา 26 องค์ ตามร่างกายส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นฝีมือการวาดของลูกศิษย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ ที่ครูเพชรได้ให้โอกาสร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้น
ช้าง เป็นสัตว์บกขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับคนไทยอย่างลึกซึ้งมาช้านาน ทั้งด้านสังคม การค้า และประเพณี โดยเฉพาะช้างเผือกถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกษัตริย์และแผ่นดินไทย ทั้งใช้ในการรบยามศึกสงคราม พระราชประเพณีต่าง ๆ หากช้างมีลักษณะดีถูกต้องตามหลักคชลักษณ์ก็จะได้รับเลือกเป็นช้างคู่บารมีของพระกษัตริย์ไทย ดังนั้นจึงปรากฏตำราช้าง หรือ “ตำราคชลักษณ์” หลายฉบับ แต่ละฉบับจะอธิบายถึงลักษณะของช้างทั้งที่เป็นช้างศุภลักษณ์ (ดี) และช้างทุรลักษณ์ (ร้าย) โดยแต่ละตำราจะมีการกล่าวถึงความเชื่อของการกำเนิดของช้างตรงกัน ตามคัมภีร์ของพราหมณ์คือเชื่อว่าช้างกำเนิดจากเทพ 4 องค์ โดยมีเนื้อหาว่า ในไตรดายุคเมื่อพระนารายณ์เสด็จลงมาบรรทมบนเกษียรสมุทรโดยประทับบนหลังพระยาอนันตนาคราชบังเกิดมีดอกบัวผุดตรงพระนาภี (สะดือ) ดอกบัวนั้นมี 8 กลีบ 173 เกสร พระนารายร์จึงนำดอกบัวไปถวายพระอิศวร พระอิศวรได้แบ่งดอกบัวออกเป็น 4 ส่วน จัดเป็นส่วนของพระองค์เอง 8 เกสร นอกนั้นแบ่งประทานแก่ พระพรหม 8 กลีบ พร้อมกับเกสรอีก 24 เกสร ประทานแก่พระนารายณ์หรือพระวิษณุ 4 เกสร และประทานแก่พระอัคนี 133 เกสร เทพเจ้าทั้งสี่ได้เนรมิตดอกบัวในแต่ละส่วนของพระองค์ให้บังเกิดเป็นช้างขึ้นในโลก ปรากฏเป็นคชพงศ์ หรือ ตระกูลช้าง 4 ตระกูล ซึ่งต่างก็มีรูปร่างลักษณะ อุปนิสัย และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เป็นไปตามฤทธิ์และอำนาจที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเทพเจ้าผู้เนรมิตให้บังเกิดขึ้น ได้แก่
ซึ่งในตำราคชลักษณ์ ได้กล่าวถึงลักษณะของช้างทั้ง 4 ตระกูล รวมไปถึงการกล่าวถึงลักษณะของช้างชั้นสวรรค์อีก 3 ช้าง ได้แก่
เทคนิคที่ใช้ : การแกะสลักไม้แบบลอยตัว
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :