การทำเครื่องเงินของชาวสุรินทร์ สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 270 ปีมาแล้ว เมื่อชาวเขมรกลุ่มหนึ่งได้อพยพหนีภัยสงครามเมื่อกว่า 270 ปี จากกรุงพนมเปญข้ามพรมแดนมาตั้งภูมิลำเนาถาวรที่ โคกเมือง หรือ ประทายสมันต์ ซึ่งเป็นเมืองร้างแต่มีภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ (ปัจจุบันนี้คือ จังหวัดสุรินทร์) โดยพวกเขามีความสามารถในการตีทองรูปพรรณเป็นเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับคอ เรียกกันในภาษาถิ่นว่า จาร หรือ ตะกรุด ประเกือม หรือ ปะคํา สืบทอดวิชาช่างประกอบเป็นอาชีพ และเดินทางไปรับจ้างในจังหวัดใกล้เคียง เช่น บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ เป็นต้น จนเมื่อประมาณ พ.ศ. 2500-2521 งานทำทองรูปพรรณเป็นเครื่องประดับได้หยุดชะงักไป เพราะราคาสูงขึ้น ผู้คนหันไปนิยมซื้อทองรูปพรรณจากห้างทองมากขึ้น นี่จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนของการมองหาวัตถุดิบใหม่อย่าง “เงิน” เข้ามาเติมเต็มความต้องการงานเครื่องประดับดั้งเดิม ด้วยเทคนิคทักษะเชิงช่างชั้นสูงของงานเครื่องทองสุรินทร์ มาเป็นเครื่องประดับเงินอย่าง กำไลข้อมือ สร้อยประคํา ต่างหู แหวน ได้อย่างวิจิตรบรรจง
ครูสมศักดิ์ มุตะโสภา เป็นทายาทสายตรงของช่างเครื่องทองเครื่องเงินสุรินทร์โบราณตระกูลมุตะโสภารุ่นที่ 4 โดยชิ้นงานหลักที่ได้รับการสืบทอดมาจากบิดา ครูสวาส มุตะโสภา จนแตกฉานคืองาน “ตะเกา” (ต่างหู) โดยเฉพาะลายดอกรังหอก ที่เป็นต่างหูลายเขมรโบราณเก่าแก่ที่สุด มีลักษณะก้านงอ ขึ้นรูปด้วยการดัดเส้นลวดทองหรือลวดเงินไปมาในระยะความห่างเท่า ๆ กัน จนได้รูปทรงที่ต้องการ นำมาเชื่อมต่อซ้อนกันตามขนาดต่าง ๆ เป็นขั้นบันได ประดับด้วยเม็ดไข่ปลา เป็นงานที่มีความปราณีต ละเอียนดอ่อนที่สุด อีกทั้งครูสมศักดิ์ยังได้สืบสานงาน “ประเกือม” จากครูสวาส ซึ่งเป็นผู้ค้นคิดการนำแผ่นเงินหรือแผ่นทองมาหลอม และตีแผ่รีดเป็นแผ่น ม้วนด้วยไม้ไผ่ เชื่อมประสานเป็นทรงกระบอก ตีขึ้นรูป อัดชันแล้วกดลาย ซึ่งหากเป็นงานโบราณจะมีลายกลีบบัว ลายดอกจัน บัวคว่ำ บัวหงาย เป็นต้น ปัจจุบันมีการเผยแพร่งานประเภทนี้ไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ทำให้ประเกือมเป็นที่รู้จักนับแต่นั้นมา
ครูสมศักดิ์ ใช้เวลาในการสร้างสรรค์งานอย่างไม่เร่งรีบ บรรจงทำงานอย่างปราณีต ทุกชิ้นทำขึ้นด้วยมือไม่ใช้เครื่องจักร เพื่อให้งานที่ออกมามีคุณภาพ เน้นความละเอียดและอนุรักษ์รูปแบบเดิมโดยไม่มีผิดเพี้ยน ชิ้นงานที่โดดเด่นของครูสมศักดิ์จะเป็นงานตะเกาเครื่องประดับ ทั้งต่างหู กำไล สร้อยคอ และเข็มขัดเงิน ที่ได้รับความนิยมจากผู้มีฐานะในยุคนั้นสั่งไปเก็บหรือใช้ในงานบุญสำคัญๆ งานส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเก่าแก่ของบิดา ที่นิยมพอใจในผลงานของงานเครื่องประดับของครูสวาส ที่ครูสมศักดิ์สามารถจำลองชิ้นงานได้ละเมียด ละไม ละเอียดอ่อนช้อย ไร้ที่ติเช่นเดียวกับงานของบิดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลายดอกรักหอกที่ครูสมศักดิ์ยังคงอนุรักษ์วิธีการทำแบบดั้งเดิมไว้ไม่ผิดเพี้ยน