ผ้าโฮลเปราะห์สมปักปูมลายนาคสองวัฒนธรรม เป็นผลงานการรื้อฟื้นผ้าสมปักปูมที่ครูสุรโชติสร้างสรรค์ขึ้นให้เป็นผ้านุ่งผู้ชาย (โฮลเปราะฮ์) จากการคัดคัดลวดลายมาจากโครงสร้างของผ้าพิมพ์ลายอย่าง เป็นผ้าทอ 3 ตะกอ เหยียบและขึ้นลายด้วยกระบวนการทอผ้าโฮล หรือผ้ามัดหมี่ ทอลวดลายแบบโบราณเป็นผืนเดียว (แต่เดิมผ้าสมปักปูมเป็นผืนผ้าหน้าแคบ ที่ต้องนำผ้าสองผืนมาเย็บ หรือ “เพลาะ” ต่อกัน ผืนผ้าจึงจะมีความกว้างและมีความยาวกว่าผ้านุ่งธรรมดาเพื่อใช้เป็นผ้านุ่งโจงได้) มีสีแดง สีดำ และสีเหลือง เป็นสีหลัก ความพิเศษของลายผ้าผืนนี้เกิดจากการนำลายของผ้าเขมรโบราณกับลายผ้าของไทยมาผสมรวมกัน ประกอบด้วย
ท้องผ้า : คือลวดลายหลักอยู่กลางผืนผ้า เป็นลายที่นำมาจากโครงสร้างของลายผ้าเขมรโบราณที่ใช้ในพิธีการทางศาสนา เป็นผ้าม่านกั้นขณะพระสงฆ์เทศนา ลายหลักคือตัวนาคที่ปรับด้วยการใช้ลายนาคแบบของไทย (ลายนาคของเขมรโบราณลำตัวจะสั้นกว่าลายนาคของไทย) ประกอบลายช้าง ม้า ปลาวาฬ นกยูง หงส์ บายศรี ที่รูปแบบและโครงสร้างลายเหมือนผ้าเขมรโบราณทุกประการ ซึ่งส่วนของท้องผ้าผืนนี้เป็นลายค่อนข้างใหญ่ทอด้วยไหมเส้นพุ่งจำนวน 105 ลำ
- ช่อแทงท้อง : คือลวดลายกรอบรอบท้องผ้า
- สังเวียน หรือ ขอบผ้า : คือลวดลายขนาบท้องผ้า มีความพิเศษกว่าผ้าชิ้นอื่นคือ มีลายสังเวียนประกอบถึง 2 ชั้น
- กรวยเชิง หรือเชิงผ้า : คือเชิงผ้าทั้งสองข้าง หรือทางวิชาการเรียกว่า “ชุดลายหน้ากระดาน” ซึ่งมีเส้นแม่ลายขนาดใหญอยู่ตรงกลางขนาบด้วยลูกขนาบ ตั้งฉากกับสังเวียน ถัดออกมาจากลูกขนาบด้านนอกมีลายในรูปทรงกรวย เรียงสลับกันในแนวนอน หันด้านนปลายแหลมของกรวยเชิงออกสู่ด้านนอกของชายผ้าตลอดแนวชุดลายหน้ากระดาน เรียกลายในทรงกรวยนี้ว่า “ลายกรวยเชิง” ซึ่งผ้าผืนนี้บรรจุชุดลายกรวยเชิง 3 ชั้น ชั้นที่ 1 ทอด้วยไหมเส้นพุ่งจำนวน 51 ลำ, ชั้นที่ 2 ทอด้วยไหมเส้นพุ่งจำนวน 69 ลำ, ชั้นที่ 3 ทอด้วยไหมเส้นพุ่งจำนวน 91 ลำ
- ปลายผ้าด้านที่เริ่มต้นทอมี “เจือย” (ลายผ้าที่ทอก่อนการทอเข้าผืนจริง) ทอเปิดลายเป็นลายมัดหมี่ อันเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของการทอผ้าของชาวสุรินทร์
ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องทอ
ขนาด :
กว้าง 1 เมตร ยาว 3.5 เมตร
แหล่งที่มา :
กลุ่มมัดหมี่โฮลโบราณย้อมสีธรรมชาติ ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
วัสดุ :
เส้นไหมน้อย,สีย้อมไหมจากวัสดุธรรมชาติ ได้แก่ (เปลือกเงาะ และ โคลน ให้สีดำ,ครั่ง ให้สีแดง,เปลือกมะพูด และแก่นเข ให้สีเหลือง,คราม ให้สีฟ้า),สารธรรมชาติช่วยในการติดสี ได้แก่ (ใบเหมือดแอ,ใบชงโค,ใบมะขาม ใช้ในการย้อมครั่ง,สารส้ม ใช้ในการย้อมสีเหลือง,มะขามเปียก, น้ำด่าง ใช้ในการย้อมคราม),แป้งข้าวเจ้า,แป้งท้าวยายม่อม,นำ้มันพืช,เชือกฟาง