ชุดลายประดับมุกลายหนุมานออกจากช่อกนกบรรจุในวงกลม เป็นผลงานการสร้างสรรค์ที่ครูจักรกริศษ์ สุขสวัสดิ์ ได้รับแรงบันดาลใจจากงานประดับมุกที่ทรงคุณค่า ถือเป็นหนึ่งในงานอนุรักษ์ที่ได้รับการกล่าวขานเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย คืองานประดับมุกที่ปรากฎบนบานประตูตู้พระไตรปิฎก ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งแต่เดิมเป็นลายของบานประตูพระวิหารวัดบรมพุทธาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าเป็นลายประดับมุกที่จัดทำขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3) หรือช่วงเวลาเดียวกันกับการสร้างสรรค์ลายประดับมุกบานประตูพระวิหารวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก สร้างสรรค์เพื่อเป็นต้นแบบงานอนุรักษ์การประกอบลายสำหรับการออกแบบลายและการศึกษาเรียนรู้งานประดับมุกแก่ผู้สนใจ
เทคนิคที่ใช้: การเจียรและตัดแต่งเปลือกหอย และการประดับมุก
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน :
• การคัดลอกลาย :
• การเตรียมเปลือกหอยสำหรับงานประดับมุก ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
นำหอยโข่งทะเล (เดิมเรียกว่าหอยอูด) หรือหอยมุกไฟ ซึงหาได้ในทะเลและมหาสมุทรในแถบจังหวัดภูเก็ต ประเทศพม่า อินโดนีเซีย และแถบมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งครูจักรกริศษ์ซื้อมาจากผู้แทนจำหน่ายในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดระนอง ราคากิโลกรัมละ 1,500 – 1,700 บาท (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565
นำหอยโช่งทะเลมาขัดลอกหินปูนที่หุ้มเปลือกหอยออก โดยใช้หินเจียรขนาด ¼ หรือ ½ โดยขัดแต่งเปลือกหอยจนถึงชั้นเปลือกหอยสีขาว ซึ่งเป็นส่วนที่นำไปใช้ในการประดับมุก สำหรับการขัดในขั้นตอนนี้จะได้เปลือกหอยมุกที่มีความหนาประมาณ 0.1 – 0.2 มิลลิเมตร หรือมีขนาดความหนาเท่ากับเหรียญ 1 บาทไทย
ตัดเปลือกหอยเฉพาะส่วนที่สามารถนำไปใช้งานได้ คือส่วนเปลือกโค้งรอบเปลือกหอย โดยมอเตอร์ตัดไปตามส่วนโค้ง คงเหลือส่วนแกนหอยที่ช่างทำหัวโขนจะนำไปทำเป็นเขี้ยวยักษ์หรือเขี้ยวลิงต่อไป ทั้งนี้หอยโข่งทะเล 1 ตัวน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรรม มีพื้นที่ส่วนเปลือกหอยที่สามารถนำมาทำเป็นลวดลายประดับมุกได้ประมาณ 15 – 20 ตารางเซนติเมตร เท่านั้น เนื่องจากเนื้อเปลือกหอยส่วนที่เหลือมีรูปทรงที่ไม่เหมาะสม และไม่มีแสง ไม่มีสี ปราศจากคุณสมบัติสะท้อนไฟซึ่งเป็นความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของงานลงรักประดับมุก
นำลายที่ออกแบบเรียบร้อยแล้วมาติดบนเปลือกหอยตามสัดส่วนต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่เปลือกหอยในส่วนที่ให้สีสันสวยงามได้มากที่สุด
ใช้โครงเลื่อยฉลุเลื่อยลายให้แยกออกจากแผ่นเปลือกหอยเป็นตัวๆ แล้วนำชิ้นลายแต่ละตัวมาขัดแต่งขอบลายเพื่อลบคมเลื่อยและทำให้ลายคมชัดด้วยตะไปและกระดาษทราย จากนั้นนำลายไปติดบนกระดาษสำเนาลายที่เตรียมไว้ด้วยกาวน้ำ ประกอบจนเป็นลายที่สมบูรณ์ จากนั้นจึงนำมาเข้ากรอบเป็นลายต้นแบบสำหรับการศึกษาเรียนรู้ต่อไป