ผ้าโฮลครามประยุกต์

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

ผ้าโฮลครามประยุกต์ เป็นการประยุกต์ลผ้าโฮลครามประยุกต์ เป็นการประยุกต์ลวดลายการทอจากผ้าโฮลสะไรย์ หรือโฮลผู้หญิง ที่เป็นการทอแบบดึงลาย ทอเส้นไหมที่ย้อมสีจากครามธรรมชาติทั้งผืน
โดยเว้นช่องลายให้เห็นสีครามสลับลวดลายในแนวตั้ง ลวดลายการทอจากผ้าโฮลสะไรย์ หรือโฮลผู้หญิง ที่เป็นการทอแบบดึงลาย ทอเส้นไหมที่ย้อมสีจากครามธรรมชาติทั้งผืน โดยเว้นช่องลายให้เห็นสีครามสลับลวดลายในแนวตั้ง

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องทอ
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
100x206 เซนติเมตร
วัสดุ :
เส้นไหม ย้อมสีธรรมชาติจากคราม
อายุ/ปีที่ผลิต :
2564
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : เทคนิคมัดหมี่
กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :

  • การเตรียมเส้นไหม : วิธีการเตรียมเส้นไหมแบ่งการสาวไหมเป็น 3 รอบ ได้แก่
  1. การสาวไหมรอบที่ 1  เป็นการสาวเอาไหมเปลือกรัง ซึ่งมีสิ่งสกปรกค่อนข้างมาก เส้นไหมที่ได้จะมีเส้นที่หยาบ เรียกว่า “ไหมหัว” จากนั้นจึงตักรังไหมออกเพื่อรอสาวรอบถัดไป
  2. การสาวไหมรอบที่ 2  จะได้เส้นไหมที่มีขนาดเส้นที่เล็กกว่าไหมการสาวรอบแรก มีสิ่งสกปรกน้อยมาก บางครั้งอาจไม่มี เรียกไหมชนิดนี้ว่า “ไหมน้อย” นิยมนำมาทอผ้าไหมมัดหมี่ เนื่องจากเป็นเส้นไหมที่มีความเหนียวและเงางาม ถือเป็นสุดยอดของเส้นไหม "
  3. การสาวรอบที่ 3 จะได้เส้นไหมขนาดเส้นเล็กมาก เรียกว่า “ไหมน้อยพิเศษ” เหมาะแก่การทำผ้าไหมที่มีเนื้อบางเบา เช่นผ้าไหมแก้ว เส้นไหมประเภทนี้ ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากสาวเส้นได้ยากและสาวได้ปริมาณน้อยมากและเมื่อทอจะได้ผ้าเนื้อบางไม่ทนทานต่อการใช้งาน
  • การฟอกไหม
  1. เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำน้ำด่าง ได้แก่ เหง้ากล้วยฝานตากแห้ง ผักโขมหนามตากแห้ง เปลือกผลนุ่นตากแห้ง งวงตาลตากแห้ง เปลือกฝักสำโรงตากแห้ง โดยใช้วัตถุดิบทั้งหมด หรือเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้น้ำหนักประมาณ 5-6 กิโลกรัม นำไปเผาไฟให้ได้ขี้เถ้าประมาณ 1 กิโลกรัม นำขี้เถ้ามาเคล้ากับน้ำสะอาดประมาณ 15 ลิตร แล้วนำไปกรองให้ได้น้ำด่างที่ใสสะอาด แล้วนำมาเทใส่กะละมังเคลือบ
  2. นำไหมดิบ 1 กิโลกรัม มาแช่ในน้ำด่างประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วจึงยกน้ำด่างพร้อมเส้นไหมในกะละมัง ตั้งไฟต้มให้เดือดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ให้สังเกตว่าพอน้ำเดือดในระยะแรก เส้นไหมจะลื่นเป็นเมือก ๆ แบบนี้จะยังใช้ไม่ได้ ให้ต้มต่อไปอีกจนเมือกนั้นเปื่อยละลาย เมื่อจับจะรู้สึกหนืดมือ เหมือนแป้งเปียกถือว่าใช้ได้ จึงยกลงจากเตา
  3. นำเส้นไหมไปล้างน้ำสะอาด (น้ำอุณหภูมิปกติ) หลาย ๆ ครั้งจนเมือกหลุดหมด จากนั้นนำเส้นไหมที่สะอาดดีแล้ว มากระตุกตากให้แห้ง เส้นไหมจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีขาวนวล
  • การย้อมสีและการมัดหมี่
  1. นำเส้นไหมที่ฟอกแล้วมาขึ้นหลักค้นหมี่ โดยนำเส้นไหมมาพันที่หลักค้นหมี่ทั้งซ้ายและขวาจนครบ 21 ลำหรือมากกว่า
  2. ใช้เชือกกล้วย หรือเชือกฟางมัดปิดเส้นไหมในส่วนที่เป็นสีขาว ตามรูปแบบและลวดลายที่กำหนดไว้
  3. เมื่อมัดเส้นไหมส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสีเรียบร้อยแล้ว นำไปแช่ในน้ำสะอาดประมาณ 1 คืน  (ไม่ใช้น้ำประปา หรือน้ำเค็ม)
  4. นำเอาเส้นไหม ลงจุ่มในหม้อครามที่ก่อไว้ บีบเส้นไหม เพื่อให้สีครามติดสี จนอิ่มสี
  5. นำเส้นไหม ไปตากกับราวตากที่เตรียมไว้ บิดเส้นไหมให้น้ำย้อมออกให้หมด และกระตุกเส้นไหมและตากเส้นไหมให้แห้ง สังเกตดูสีของเส้นไหมให้มีสีเข้มตามที่ต้องการ
  6. เมื่อได้สีตามต้องการแล้ว ให้นำไปล้างน้ำฝน หรือน้ำประปาหรือน้ำบ่อที่สะอาด จนสีน้ำล้างใสหรือแดงปนนิดหน่อยจึงนำเส้นไหมไปตากแดดให้แห้ง
  7. นำมาปั่นเก็บไว้สำหรับทอต่อไป
ข้อมูลแหล่งที่มา