ผ้าสมปักปูม เป็นผ้าไหมที่สร้างลวดลายด้วยกรรมวิธีมัดหมี่ คำว่า “ปูม” นั้นเป็นคำที่เสียงเพี้ยนมาจากภูมิ ในภาษาเขมร แปลว่า “ขั้น” ในอดีตเป็นผ้าที่ขุนนางในราชสำนักสยาม ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ สำหรับใช้เป็นเครื่องยศของขุนนาง หรือผู้ที่รับราชการที่มีบรรดาศักดิ์ โดยสวมใส่เมื่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชการปกติ หรือพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น โดยผ้าสมปักปูมจะมีความยาวราว 4 เมตร ลักษณะสมปักปูม จะมี 4 ส่วน ส่วนแรกคือ ท้องผ้า เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของผืนผ้า กรอบถัดมากรอบท้องผ้า 3 ด้าน เรียก ช่อแทงท้อง ส่วนที่สาม คือ ขอบด้านข้างของผ้าเรียก “สังเวียน” เป็นลักษณะขอบผ้าขนาบอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของท้องผ้า ส่วนที่สี่ จะเป็นส่วนด้านล่างและด้านบน เป็น “ลายกรวยเชิง” โดยหนึ่งผืนจะเป็นการทอด้วยการมัดหมี่สองผืนที่มีลวดลายคล้ายกันมาเย็บเพลาะต่อกัน
เอกลักษณ์ของผ้าโฮล คือ เป็นผ้ามัดหมี่ที่มีลักษณะเฉพาะ ผู้ทอจะเลือกใช้เส้นไหมที่มีขนาดเล็ก เรียบ (ไหมน้อยในการทอเพื่อให้ได้ผ้าที่มีเนื้อแน่น เนียน เงางาม และพลิ้วไหว มีสีสันและลวดลายที่โดดเด่นคือ มีลักษณะเป็นจุดประสลับกับเส้นตรง โดยใช้ไหมคู่ 2 สี ทอสลับกันเป็นลายตลอดไปทั้งผืน มีลักษณะเป็นลายริ้วสลับกับลายมัดหมี่ ที่มีความกว้างประมาณครึ่งนิ้วสลับกันไป นอกจากนั้นการทอบริเวณชายผ้า หรือริมผ้าแตกต่างจากการทอผ้าชนิดอื่น คือ มีการดึงเส้นไหมที่อยู่ชายผ้าตลบย้อนกลับเข้ามาในผืนผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาการเก็บชายผ้า ทำให้ชายผ้าไม่ขาด และมีความหนาดูแลรักษาง่าย การย้อมสีเส้นไหมจะเริ่มต้นด้วยการย้อมสีแดงจากครั่ง เนื่องจากเป็นสีที่ติดทนนาน สีไม่ตก ไม่หดตัว จึงถือว่าสีแดงเป็นสีหลัก และสีเอกลักษณ์ของผ้าโฮล ประกอบไปพร้อมกับสีต่าง ๆ เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีเหลือง สีเขียว สีส้ม เป็นต้น ซึ่งจุดเด่นของผ้าโฮลกลุ่มมัดหมี่โฮลโบราณ ทอผ้าสีธรรมชาติ โดยครูสุรโชติ ตามเจริญ คือ การย้อมด้วยสีธรรมชาติทั้งหมดและไม่ใช้สารเคมีในกระบวนการใด ๆ เลย