ตูมูกระจูดสานลายสกอต

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

ตูมูเป็นกระบุง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของงานจักสานกระจูด แห่งจังหวัดนราธิวาส ใช้เทคนิคการจักสานกระจูด โดยจะมีการสานสลับ ระหว่างเส้นของกระจูดสีธรรมชาติและกระจูดย้อมสีเขียว
สานเป็นลายสกอต เพื่อให้เกิดมิติของชิ้นงาน ชิ้นงานนี้ใช้การสานขึ้นรูปเป็นตูมูแบบ 6 มุม ซึ่งการสานขึ้นรูปนั้น จะต้องคัดเลือกเส้นกระจูดให้มีขนาดเท่ากัน โดยจะสานทำมุมส่วนฐาน และฝาครอบตูมูให้เป็นมุม
ด้วยลักษณะของตูมูที่มีความโดดเด่นแปลกตา นิยมใช้ใส่สิ่งของเครื่องใช้ หรือเครื่องประดับที่มีขนาดเล็ก เป็นชิ้นงานที่แสดงให้เห็นถึงความประณีตของงานช่างหัตถกรรมไทยได้เป็นอย่างดี

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องจักสาน
ขนาด :
กว้าง 30 x สูง 20 เซนติเมตร
วัสดุ :
กระจูด
อายุ/ปีที่ผลิต :
2564
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : งานจักสานขึ้นรูปชิ้นงาน

กระบวนการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (โดยละเอียด) :
กระจูดสำหรับงานจักสาน : กระจูดที่ใช้สำหรับงานจักสาน คือ พันธุ์กระจูดใหญ่ เนื่องจากเส้นใยมีความเหนียว และมีความยาวเหมาะสมกับงานจักสานคือประมาณ 1 เมตรขึ้นไป กระจูดที่คุณพัชรินทร์ บินเจ๊ะมิง ใช้เป็นกระจูดที่ขึ้นในเขตป่าพรุ ในแถบจังหวัดนราธิวาส

  • การเตรียมเส้นกระจูด :
  1. ตัดกระจูดที่มีความยาวประมาณ 1 เมตรขึ้นไป แล้วนำมาคัดขนาดตามความยาว โดยนำกระจูดมาจับทีละกำวางในแนวตั้ง แล้วดึงต้นกระจูดที่ยาวกว่าออกไปรวมไว้อีกแห่งหนึ่ง เรียกการคัดกระจูดโดยวิธีนี้ว่า“โซ๊ะกระจูด” จากนั้นใช้มีดตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก และตัดให้ได้ขนาดความยาวที่ใกล้เคียงกันประมาณ 3 - 4 ขนาด เพื่อให้สูญเสียเนื้อกระจูดน้อยที่สุด
  2. นำกระจูดที่ไปคัดเลือกแล้ว คลุกน้ำดินโคลนขาวที่มีสีน้ำตาลอ่อน ในรางน้ำที่เตรียมไว้ ถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน ในการเตรียมเส้นกระจูด เพื่อให้เส้นใยกระจูดมีความเหนียวและนุ่ม ไม่แห้งกรอบ เมื่อคลุกได้ที่แล้วนำมาตากแห้งประมาณ 2-3 วัน แล้วเก็บเข้าที่ร่มทิ้งไว้อีก 4-5 วัน เพื่อให้ต้นกระจูดคลายตัว เมื่อจะใช้ก็เอากระจูดไปตากน้ำค้าง 1 คืน เพื่อให้ต้นกระจูดลื่นสะดวกในการตำ
  3. นำกระจูดมาคัดขนาดลำต้น โดยแบ่งเป็นลำต้นขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพื่อให้เหมาะกับงานจักสานที่ต้องใช้ความละเอียด แต่ละชิ้นงานที่แตกต่างกัน
  4. นำกระจูดไปเตรียมเส้นใย ด้วยการรีดเส้นด้วยวิธีตำหรือทุบทีละมัด โดยนำไปวางบนแท่นไม้สี่เหลี่ยม ตำหรือทุบให้แบนด้วยสากตำข้าวหัวตัด การตำจะทำคนเดียวหรือสองคนก็ได้แล้วแต่สะดวก จากนั้นแก้กระจูดที่มัดไว้ แล้วนำมาคัดส่วนกาบโคนของลำต้นทิ้ง
  5. นำกระจูดไปรีดเส้นอีกครั้ง โดยการใช้ลูกกลิ้ง โดยนำกระจูดที่ตำแล้วไปตากน้ำค้าง 1 คืนแล้ว มาทับด้วยลูกกลิ้งจากท่อซีเมนต์ หรือท่อเหล็กกลมน้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม โดยใช้แรงคนเดินบนลูกกลิ้ง แทนเครื่องจักร จนเส้นใยกระจูดลีบและแบน เหมาะสมกับการจักสาน

ทั้งนี้วิธีการรีดกระจูดด้วยการตำและการใช้ลูกกลิ้ง ถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ใช้เวลาในการเตรียมเส้นค่อนข้างมาก แต่เป็นการรักษาเส้นใยกระจูดให้มีความเสียหายหรือเส้นใยแตกหักน้อยที่สุด ได้เส้นใยที่มีความยืดหยุ่นและมีคุณภาพเหมาะสมกับการจักสาน

  • การย้อมสีกระจูด :
    การย้อมด้วยสีเคมี เริ่มจากนำสีใส่ในน้ำ คนให้สีละลาย แล้วนำกระจูดมัดเป็นกำแล้ว นำไปจุ่มลงไปในน้ำข้าวสาลี แช่ไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นนำไปย้อมสี โดยการต้มในสีที่ต้มเดือดบนเตาไฟประมาณ 10 – 15 นาที แล้วจึงนำเส้นกระจูดไปล้างสีส่วนเกิน ล้างน้ำสะอาดแล้วนำขึ้นไปผึ่งแดดประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม สำหรับกระจูดที่ผ่านการย้อมด้วยสีเคมี ก่อนนำไปใช้ในการจักสาน ต้องนำกระจูดไปรีดอีกครั้ง โดยวิธีตำ หรือใช้ลูกกลิ้ง เพื่อให้เส้นเหนียวและแบนเหมาะสำหรับการจักสาน
  • การจักสานขึ้นโครงชิ้นงาน :
  1. วัดความยาวเส้นกระจูด ที่เหมาะสมกับโครงชิ้นงาน หากเห็นชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ใช้กระจูดเส้นยาว หากเป็นชิ้นงานขนาดเล็กใช้กระจูดเส้นสั้น เป็นต้น
  2. นำเส้นกระจูดที่เตรียมไว้ สานขัดด้วยลายสกอต โดยจะเริ่มต้นจากกึ่งกลางของตอก เทคนิควิธีสานจะแตกต่างกันตามรูปแบบ และชนิดของผลิตภัณฑ์ และตามความถนัดของผู้สานโดยเฉพาะ
  3. เก็บริมชิ้นงานตามลักษณะหรือรูปแบบการใช้งาน โดยการเก็บริมหรือพับริมงานจักสานกระจูดมี 2 แบบ คือ
    1)  การเก็บริมแบบพับกลับ หรือแบบแซม เป็นการพับปลายกระจูดเข้าไปตามแนวลายเดิมประมาณ 1 – 3 นิ้ว แล้วตัดเส้นกระจูดส่วนที่เหลือออก
    2)  แบบช่อริม คือการพับปลายกระจูดที่เหลือให้คุ้มกันเองมีลักษณะคล้ายการถัก แล้วตัดเส้นกระจูดส่วนที่เหลือออก แบบนี้จะได้ส่วนปากภาชนะ หรือปากกระเป๋าที่มีความคงทนมากกว่าแบบเก็บริม
ข้อมูลแหล่งที่มา