ผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่ง ตัวซิ่นลายไก่หนุ่มสาว

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

ผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่ง  สร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยเทคนิคการทอแบบจก ตัวซิ่นลายไก่หนุ่มสาว ซึ่งครูนิทัศน์ จันทร ได้แนวคิดมาจากการนำลายนักกษัตริย์มาประกอบเป็นลายบนตัวซิ่น ตีนซิ่นเป็นตีนจกมีลายขอก่างรังแตน มีลายประกอบคือ ลายเอี้ยนก  ลายดอกตะวัน  ลายขอกูด  ลายดอกบัวเครือ ลายเจียงปืน  จบชายด้วยลายสร้อยสา  ขอบตีนซิ่นจกลายกว๊านหมาน้อย

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องทอ
กลุ่มวัฒนธรรม :
ลาวครั่ง จังหวัดอุทัยธานี
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
กว้าง 178 ซ.ม. สูง 110 ซ.ม.
วัสดุ :
เส้นฝ้ายย้อมครามธรรมชาติ เส้นไหมและเส้นฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ
อายุ/ปีที่ผลิต :
2559
องค์ความรู้ :
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : การทอจก คือ การสร้างลายบนผืนผ้าด้วยการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของผืนผ้า การจกนิยมใช้วัตถุที่มีความแหลมพอสมควร เช่น ไม้เหลาบางได้ขนาด ขนเม่น หรือนิ้วมือยกเส้นด้ายเส้นยืนขึ้น แล้วสอดเส้นด้ายสีต่างๆ พุ่งพิเศษเข้าไปตามจังหวะของลวดลาย โดยนายนิทัศน์ จันทร ผู้สร้างสรรค์มีทักษะและความชำนาญในการใช้การจกด้วยนิ้วมือ โดยใช้นิ้วมือล้วงหรือควักเอาเส้นด้ายที่ห้อยอยู่ขึ้นมาทำเป็นลวดลาย และสอดด้ายนั้นลงไปห้อยไว้ใต้ด้ายยืนตามเดิม โดยจะไม่มีการพันรอบด้ายเส้นยืน ทำเนื่องกันไปตลอดหน้าผ้า หรือจะเว้นระยะห่างเพื่อให้ได้ลวดลายอีกแบบก็สามารถทำได้

กรรมวิธีการสร้างสรรค์ชิ้นงาน :
1. การเตรียมเส้นใย
การเตรียมเส้นฝ้าย : เส้นฝ้ายนิยมใช้ฝ้ายพันธุ์พื้นเมืองที่มีทั้งฝ้ายพันธืสีน้ำตาลเข้ม และฝ้ายพันธุ์สีขาว ผ่านกระบวนการเตรียมเส้นฝ้ายแบบดั้งเดิมที่ทำด้วยมือจนได้เส้นฝ้ายที่มีคุณภาพดีเพื่อนำไปทอเป็นผืนผ้า (ส่วนใหญ่นิยมทอเป็นผืนผ้าที่ใช้สำหรับทำผ้าซิ่น) ทำให้ผ้าซิ่นลาวครั่งฝีมือของนายนิทัศน์ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม ชายผ้าซิ่นทิ้งตัว ไม่แข็งกระด้าง และสวมใส่สบาย

การเตรียมเส้นไหม :  เส้นไหมที่นิยมนำมาใช้กับผ้าทอลาวครั่งคือไหมพันธุ์ไทยเนื่องจากมีความเลื่อมมันเฉพาะตัว อ่อนนุ่ม และมีน้ำหนัก  พันธุ์ไหมที่นิยมทำมาทำเส้นไหม ได้แก่ พันธุ์ทับทิมสยาม พันธุ์นางน้อย  พันธุ์นางลาย ไหมไทยลูกผสม ได้แก่ พันธุ์เหลืองไพโรจน์ เนื่องจากเป็นไหมที่เลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง และทนทานต่อโรค

2. การย้อมสี : กลุ่มผ้าทอลาวครั่งของกลุ่มบ้านภูจวง ยังคงรักษาวิถีการทอ การย้อมผ้าแบบโบราณด้วยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้ กระบวนการชั่ง ตวง วัด ทางวิทยาศาสตร์  กับสารช่วยย้อม (Mordant) ธรรมชาติให้ได้สีย้อมผ้าที่ให้ความคงทนไม่ซีดจาง เช่น น้ำขี้เถ้า สารส้ม โคลน สนิมเหล็ก น้ำปูนใส เป็นต้น เพื่อให้สีธรรมชาติที่ได้มีความคงทนกับเส้นใยธรรมชาติ สม่ำเสมอมีมาตรฐาน
*เทคนิคการย้อมสีครามธรรมชาติให้ได้เส้นไหมสีครามไม่ผิดเพี้ยนและติดทนนาน : ด้วยการนำเส้นใยไหม ลงในหม้อคราม นวดเพื่อไล่นำสีเพื่อให้สีเสมอกัน เมื่อนำเริ่มเป็นสีเขียวให้หยิบเส้นใยไหม ขึ้นมา ย้อมแบบนี้ประมาน 5 รอบ เมื่อได้สีที่ต้องการให้นำแช่ทิ้งไว้ในหม้อครามประมาน 12 ชั่วโมง และนำมาล้างด้วยน้ำยาล้างจานเพื่อให้สีที่ไม่เกาะเส้นใยหลุดออกไปจนหมด และไม่เหลือสีตกค้าง จากนั้นนำ ไปตากให้แห้ง นำเส้นใยไหมที่ย้อมแล้วมาม้วนเก็บเข้าหลอดเพื่อเตรียมนำไปทอในขั้นตอนต่อไป

3. การทอ : ในขั้นตอนการทอผ้าทอลาวครั่ง สิ่งสำคัญที่ต้องใช้ก็คือเส้นไหม และ เส้นฝ้าย ใช้ไม้หลาบ (สำหรับแต่งเติมสี) เริ่มด้วยการขึงไหมเข้ากับกี่ทอผ้า เมื่อเข้าดีแล้วจึงนำกระสวยที่บรรจุไหมไว้ในร่องกลางของกระสวย เพื่อใช้สอดเส้นไหมในแนวขวาง ซึ่งการสอดในแต่ละครั้งต้องสอดให้กลับไปกลับมาอยู่เสมอหรือตามรูปแบบลายที่ผู้ทอต้อการ โดยในการสอดเส้นไหมพุ่ง 1 ครั้ง ช่างผู้ทอต้องเหยียบกี่ทอ 1 ครั้ง เพื่อให้ฟืม (ไม้จัดลายผ้า) กระทบกับเส้นไหมที่ทอให้แน่นเข้ากับลายที่ออกแบบไว้ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนทอเสร็จสิ่งสำคัญในการทอนี้คือ สามารถเพิ่มเส้นไหมพิเศษให้ลายผ้ามีความโดดเด่นได้ด้วยวิธีการใช้เส้นด้ายพุ่งพิเศษเพียงสีเดียวสอดขึ้นลงด้วยวิธีการใช้ไม้สอดไหมยืนขึ้นแล้วสอดเส้นไหมสีที่ต้องการเข้าไปจะทำให้ได้สีที่ดูฉูดฉาดเป็นเส้นลายเดียว

  • หัวซิ่น : ทอพื้นลายขัด
  • ตัวซิ่น : ลายไก่หนุ่มสาว ทอจกด้วยกราฟ (โดยใช้ไม้ขัดลายโบราณ)
  • ตีนซิ่น : ลายหลัก คือลายขอก่างรังแตน
    ลายประกอบ คือ ลายเอี้ยนก  ลายดอกตะวัน  ลายขอกูด  ลายดอกบัวเครือ ลายเจียงปืน  จบชายด้วยลายสร้อยสา  ขอบตีนซิ่นจกลายกว๊านหมาน้อย
ข้อมูลแหล่งที่มา