“โถทรงโกศลายเทพนม-นรสิงห์” มีลักษณะเป็นโถทรงโกศมีฝาปิด ลายหลักที่ตัวโถและฝาโถเขียนลายเทพนมนุ่งอาภรณ์สีเหลืองประทับบนกลีบดอกบัวสีชมพูในกรอบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์พื้นสีส้มหมากสุกประดับด้วยลายก้านขดสีแดงและสีเขียว สลับกับลายนรสิงห์นุ่งอาภรณ์สีเหลือง ศีรษะมีรัศมีสีแดง และปลายหางสีขาว ลายประกอบเป็นลายกนกเปลวลอยแบบจีนสีแดงขอบสีขาวบนพื้นดำ บริเวณขอบฐานและปากโถวาดลายลูกคั่นสองชั้น เป็นลายดอกไม้ก้านขดสีแดงขอบขาวบนพื้นเขียว และลายดอกไม้สลับจุดสีขาวบนพื้นแดง มีเส้นคั่นระหว่างลายหลักเป็นสีเหลือง บริเวณจุกฝาโถซ้อนชั้นวาดลายกลีบบัวเดี่ยวสีแดงขอบขาวบนพื้นแดงและอีกชั้นหนึ่งวาดบนพื้นเขียว ยอดดอกบัวตูมลงพื้นแดง
เทคนิคที่ใช้
• ใช้สูตรการผสมสีบนเคลือบเพื่อวาดเส้นให้คมชัดและทำให้สีติดทนนาน
ขั้นตอนการสร้างสรรค์
• การขึ้นรูปทรง : นำดินสามจังหวัด เพื่อขึ้นรูปภาชนะเป็นทรงโถพลู ซึ่งเป็นดินขาวที่ได้จากจังหวัดระนองและลำปาง ดินดำจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาผสมในอัตราส่วนตามสูตรที่กำหนด เพื่อขึ้นรูปภาชนะเป็นทรงโถเบญจรงค์ทรงโกศ ประกอบด้วยตัวโถและฝาโถที่มีจุกซ้อนชั้น ยอดจุกทรงบัวตูม เป็นเครื่องขาวประเภทเนื้อพอร์ซเลน คือภาชนะสีขาวที่เกิดจากการผสมของดินขาว ดินดำ หินฟันม้า และหินทรายแก้ว ซึ่งเบญจรงค์บ้านดอนไก่ดี จะเริ่มต้นการเผาดิบด้วยอุณหภูมิประมาณ 780 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงชุบน้ำเคลือบและเผาด้วยอุณหภูมิประมาณ 1,250-1,285 องศาเซสเซียส จัดเป็นพอร์ซเลนชนิดไฟต่ำ มีคุณสมบัติเนื้อผิวแน่น ไม่ดูดซึมน้ำ นิยมนำมาผลิตเครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง
• การเขียนลาย : หลังได้ที่ได้ภาชนะเครื่องขาวแล้ว นำมาเริ่มต้นการแบ่งสัดส่วนลายโดยใช้สีทองหรือสีบนเคลือบมาวนขอบภาชนะบนแป้นหมุน เรียกว่า “การวนทอง” จากนั้นจึงใช้ปากกามากำหนดช่องไฟ เรียกว่า “การตั้งตา” เพื่อให้ลวดลายมีขนาดเท่ากัน แล้วร่างลวดลายด้วยปากกาลงเส้นบาง ๆ ขั้นแรก สำหรับผู้ที่ยังไม่ชำนาญในการเขียนลาย โดยผูกลวดลายแบบซ้ำหน่วยลายตามลักษณะการเขียนลายไทย ซึ่งโถพลูใบนี้โครงลวดลายแบบช่องกระจกสำหรับแบ่งหน่วยลายถึง 8 ช่อง แล้วจึงลงลวดลายสีดำด้วยพู่กันปลายแหลมทับลงไปบนลวดลายที่ร่างไว้ เมื่อลายเส้นสีดำแห้งสนิท ให้ลงสีบนเคลือบลงไปในช่องลายตามแบบที่วางไว้
• การเผา : หลังจากลงสีและลวดลายเรียบร้อย ให้นำเข้าเตาเผาไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่งด้วยอุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส เพื่อทำให้สีติดทนบนเครื่องเบญจรงค์ เมื่อเสร็จสิ้นการเผาแล้วให้ทิ้งไว้ในเตาเผาจนกว่าอุณหภูมิจะเย็นลง จึงสามารถนำเครื่องเบญจรงค์ออกมาจากเตาแล้วตั้งทิ้งไว้ภายนอกจนกว่าอุณหภูมิจะเป็นปกติ