โถมะลิ เป็นงานเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้สำหรับเก็บดอกมะลิหรือเครื่องหอม ดอกไม้หอมต่าง ๆ เมื่อดอกมะลิหรือดอกไม้แห้งแล้ว ก็ยังคงกลิ่นหอมอยู่ นิยมใช้ประดับตกแต่งในห้องรับแขกหรือห้องพระ โดยนายพงษ์พันธุ์สร้างสรรค์ให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น โดยออกแบบให้มีลักษณะเป็นโถปากเฉลียง ส่วนฐานเป็นสีทองถัดขึ้นมาเขียนลายทองเป็นลายดอกพุดตาน ถัดจากลายพุดตาลขึ้นมาแกะเป็นลายไทย ลายกระจังประจำยาม บริเวณกลางโถเขียนลายทองเป็นลายกระจังประจำยาม ส่วนบนโถเป็นการสร้างความโปร่งให้กับพื้นผิวด้วยการเจาะรูโดยใช้เหล็กฉลุให้เป็นรูขนาดต่างๆ กัน ขอบโถด้านบนเขียนลายทองลายกนก
เทคนิคที่ใช้ : การปั้นขึ้นรูป การแกะลาย การเจาะรู และการเขียนลายทอง
กรรมวิธีการสร้างสรรค์ชิ้นงาน :
1. การเตรียมดิน : ดินถือเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด เนื้อดินที่เหมาะสมในการปั้นต้องมีลักษณะเหนียว มีสีนวลปนเหลืองหรือสีไม่ดำจนเกินไป เนื้อดินจับเป็นก้อนแน่นไม่ร่วนซุย แต่เดิมดินที่ใช้หาได้ทั่วไปในเกาะเกร็ด ปัจจุบันหายากขึ้นจึงมีการใช้ดินจากแหล่งอื่นอาทิ ดินบริเวณฝั่งตรงข้ามเกาะเกร็ด หรือดินจากจังหวัดปทุมธานี โดยดินที่ใช้ต้องเป็นดินที่อยู่ในช่วงปลายฤดูฝน (ประมาณเดือนตุลาคม -พฤศจิกายน) เพื่อให้ได้ดินที่อุ้มน้ำฝนไว้ทำให้เนื้อดินไม่แข็ง แล้วนำไปตากแดดตากฝนไว้ระยะหนึ่งซึ่งอาจจะมีการรดน้ำให้ดินชุ่มฉ่ำอยู่เสมอ เมื่อต้องการนำดินมาใช้ผู้สร้างสรรค์จะนำดินมาหมัก อาจทำโดยวิธีการดั้งเดิมคือการย่ำดินและเหยียบดิน เพื่อให้ได้ดินที่เหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน หรือการใช้เครื่องโม่ผสมดินและแบ่งดินสำหรับการใช้งานแต่ละครั้ง
2. การขึ้นรูปและสร้างสรรค์ชิ้นงาน
1) ออกแบบชิ้นงาน และคำนวณปริมาณดินให้เหมาะสม
2) ขึ้นรูปชิ้นงานโดยใช้แป้นหมุน นำดินที่ผ่านการนวดแล้วมาปั้นขึ้นรูปด้วยแป้นหมุนโดยค่อยๆ ใช้มือบีบดินให้ขึ้นรูปเป็นภาชนะตามต้องการ โดยเทคนิคของนายพงษ์พันธ์คือการขึ้นรูปชิ้นงานแบบชิ้นเดียวตั้งแต่ฐานถึงยอด โดยมีต้องทำแยกชิ้นเหมือนการทำแบบดั้งเดิม ระหว่างการขึ้นรูปผลงานหากยังไม่เสร็จเรียบร้อยให้ใช้ผ้าเปียกหรือผ้าหมาดคลุมชิ้นงานไว้ เพื่อไม่ให้ดินแห้งแข็งเร็วก่อนกำหนด
3) สร้างสรรค์ลวดลายตามที่ได้ออกแบบไว้ โดยแบ่งส่วนที่แกะลายไทย ส่วนพื้นเรียบสำหรับเขียนลายทอง และส่วนที่เจาะรูเพื่อสร้างความโปร่งให้กับตัวภาชนะตามลักษณะของการใข้งาน ที่ต้องการให้กลิ่นหอมของดอกไม้สดและดอกไม้แห้งค่อยๆ ส่งกลิ่นออกมาตามลักษณะของภาชนะ
4) นำเข้าเตาเผาโดยใช้อุณหภูมิในการเผาประมาณ 800-1,000 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 1 วัน จากนั้นจึงพักเตาให้ความร้อนค่อยๆ คลายตัวอย่างช้าๆ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 วัน จึงเสร็จสมบูรณ์
5) นำชิ้นงานผึ่งลมไว้ประมาณ 5-7 วัน จึงนำมาวาดลายตามแบบร่าง แล้วลงสี โดยนายพงษ์พันธุ์ใช้เทคนิคการเขียนลายที่มีเอกลักษณ์ โดยการใช้เทคนิคการเขียนลายแบบลายรดน้ำ มีลักษณะคล้ายกับงานลงรักปิดทอง โดยออกแบบลายด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ด้วยการนำลายไทยแบบดั้งเดิมมาออกแบบให้เกิดลายใหม่อย่างลงตัว เช่น ลายบัวคว่ำบัวหงาย ลายกระจังลายกนก ลายประจำยาม เป็นต้น เมื่อเขียนลายเรียบร้อยนำชิ้นงานไปผึ่งให้สีแห้ง จึงเสร็จสมบูรณ์