ผอบกินรี

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

ผอบกินรี ผลงานชิ้นนี้ได้รับการติดต่อสั่งทำจากสมาคมศัลยกรรมแห่งประเทศไทย โดยให้ออกแบบเทพธิดาจากสาวประเภทสองที่ผ่านการศัลยกรรมแล้ว เพื่อเป็นฉากในการถ่ายวีดีทัศน์ของผู้เข้าประกวดบนเวที ผอบกินรีประกอบด้วย

  • ตัวผอบ ปั้นขึ้นรูปแกะลาย จิ้มลายไทย
  • ฝาผอบ เป็นรูปปั้นกินรีลอยตัว มีความอ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ชิ้นงานต้องรักษาสมดุลของรูปปั้นกินรีให้ตั้งอยู่บนฝาผอบให้ได้โดยไม่ล้ม ซึ่งต้องใช้หลากหลายเทคนิคประกอบกัน
ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องดิน
กลุ่มวัฒนธรรม :
มอญเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
กว้าง 13 ซม. สูง 13 ซม.
วัสดุ :
ดินกรอง
อายุ/ปีที่ผลิต :
2561
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : การขึ้นรูปด้วยดินปั้นลอยตัว การแกะลาย การจิ้มลาย และการเขียนลายทอง

กรรมวิธีการสร้างสรรค์ชิ้นงาน :

1. การเตรียมดิน : ดินถือเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด เนื้อดินที่เหมาะสมในการปั้นต้องมีลักษณะเหนียว มีสีนวลปนเหลืองหรือสีไม่ดำจนเกินไป เนื้อดินจับเป็นก้อนแน่นไม่ร่วนซุย แต่เดิมดินที่ใช้หาได้ทั่วไปในเกาะเกร็ด ปัจจุบันหายากขึ้นจึงมีการใช้ดินจากแหล่งอื่นอาทิ ดินบริเวณฝั่งตรงข้ามเกาะเกร็ด หรือดินจากจังหวัดปทุมธานี โดยดินที่ใช้ต้องเป็นดินที่อยู่ในช่วงปลายฤดูฝน (ประมาณเดือนตุลาคม -พฤศจิกายน) เพื่อให้ได้ดินที่อุ้มน้ำฝนไว้ทำให้เนื้อดินไม่แข็ง  แล้วนำไปตากแดดตากฝนไว้ระยะหนึ่งซึ่งอาจจะมีการรดน้ำให้ดินชุ่มฉ่ำอยู่เสมอ เมื่อต้องการนำดินมาใช้ผู้สร้างสรรค์จะนำดินมาหมัก อาจทำโดยวิธีการดั้งเดิมคือการย่ำดินและเหยียบดิน เพื่อให้ได้ดินที่เหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน หรือการใช้เครื่องโม่ผสมดินและแบ่งดินสำหรับการใช้งานแต่ละครั้ง

2. การขึ้นรูปและสร้างสรรค์ชิ้นงาน
1)  ออกแบบชิ้นงาน และคำนวณปริมาณดินให้เหมาะสม

2)  ขึ้นรูปชิ้นงานโดยใช้แป้นหมุน นำดินที่ผ่านการนวดแล้วมาปั้นขึ้นรูปด้วยแป้นหมุนโดยค่อยๆ ใช้มือบีบดินให้ขึ้นรูปเป็นภาชนะตามต้องการ โดยเทคนิคของนายพงษ์พันธ์คือการขึ้นรูปชิ้นงานแบบชิ้นเดียวตั้งแต่ฐานถึงยอด โดยมีต้องทำแยกชิ้นเหมือนการทำแบบดั้งเดิม ระหว่างการขึ้นรูปผลงานหากยังไม่เสร็จเรียบร้อยให้ใช้ผ้าเปียกหรือผ้าหมาดคลุมชิ้นงานไว้ เพื่อไม่ให้ดินแห้งแข็งเร็วก่อนกำหนด
3)  ใช้หอยกาบหรือหอยแม่น้ำแต่งผนังภายในภาชนะให้เรียบร้อย โดยระมัดระวังให้มีการใช้น้ำหนักมือให้เท่ากันระหว่างขัดชิ้นงานบนแป้นหมุน และนำชิ้นงานไปขูดแต่งพื้นผิวของชิ้นงานให้เรียบเสมอกัน

4)  เมื่อขึ้นรูปชิ้นงานเสร็จแล้วใช้เส้นลวดขนาดเล็กตัดชิ้นงานขึ้นจากแป้นหมุน นำไปวางผึ่งลมพักไว้ 12 ชั่วโมง หรือจนพิจารณาแล้วว่าชิ้นงานแห้งหรือหมาดพอที่จะแกะลายได้

5)  ใช้เครื่องมือในการทำลวดลายระหว่างขึ้นชิ้นงาน อาทิ ปลายไม้ เชือก หรืออุปกรณ์อื่นที่สร้างสรรค์สำหรับตกแต่งอย่างเหล็กลานนาฬิกา เป็นต้น นำมา ขีด ปาด เขียน ลวดลายบนภาชนะ โดยการสร้างสรรค์ลวดลายของเครื่องปั้นดินมอญจะมี 3 แบบ คือ ลายที่เกิดจากการขีด  ลายที่เกิดจากการฉลุลายโปร่ง และลายที่เกิดจากการกดเพื่อให้เกิดความนูนของเนื้อดิน ทั้งนี้ในระหว่างการขั้นรูปและการจิ้มลายระมัดระวังอย่าให้ชิ้นงานแห้งเกินไป  เอกลักษณ์การสร้างสรรค์ผลงานของนายพงษ์พันธ์คือการใช้ไม้ไผ่ที่ทำการแกะสลักลายลงบนปลายไม้ก่อนที่จะใช้ไม้ลายนั้นจิ้มลายลงบนชิ้นงาน โดยไม้ลาย 1 ชิ้น สามารถสร้างลวดลายได้หลากหลายลาย ทำให้สามารถสร้างลวดลายใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
6)  หากเป็นชิ้นงานที่มีฝาหรือมีลักษณะการประกบชิ้นงาน ประเภท ผอบ กระแจะจันทน์  หรือโถ นายพงษ์พันธ์ใช้เทคนิคการสลักซี่แบบฟันปลา ซึ่งต้องใช้ทักษะเชิงช่างที่อาศัยการออกแบบ ต้องอดทนสูงเพื่อให้ได้ตำแหน่งของสลักซี่ที่พอดีกับตัวผอบ และจัดวางตำแหน่งการปิดที่พอดีระหว่างฝาและตัวผอบ  เป็นเทคนิคที่ไม่พบในงานเครื่องปั้นดินเผาแหล่งอื่น

7)  นำเข้าเตาเผาโดยใช้อุณหภูมิในการเผาประมาณ 800-1,000 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 1 วัน จากนั้นจึงพักเตาให้ความร้อนค่อยๆ คลายตัวอย่างช้าๆ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 วัน

8)  นำชิ้นงานผึ่งลมไว้ประมาณ 5-7 วัน จึงนำมาวาดลายตามแบบร่าง แล้วลงสี โดยนายพงษ์พันธุ์ใช้เทคนิคการเขียนลายที่มีเอกลักษณ์ โดยการใช้เทคนิคการเขียนลายลาย มีลักษณะคล้ายกับงานลงรักปิดทอง โดยออกแบบลายด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ด้วยการนำลายไทยแบบดั้งเดิมมาออกแบบให้เกิดลายใหม่อย่างลงตัว เช่น ลายบัวคว่ำบัวหงาย ลายกระจังลายกนก ลายประจำยาม เป็นต้น เมื่อเขียนลายเรียบร้อยนำชิ้นงานไปผึ่งให้สีแห้ง จึงเสร็จสมบูรณ์

ข้อมูลแหล่งที่มา