เทคนิคที่ใช้ : การขึ้นรูปด้วยวิธีการใช้น้ำสลิป (น้ำดิน) และการประดับลาย
กรรมวิธีการสร้างสรรค์
- เตรียมดินตามสูตรเพื่อให้มีความเหนียวในประมาณที่พอเหมาะสำหรับการขึ้นรูปด้วยวิธีการใช้น้ำสลิป (น้ำดิน) และการขื้นรูปด้วยการปั้นมือ
- ขึ้นรูปด้วยวิธีการใช้น้ำสลิป (น้ำดิน) ในการเทหล่อจากต้นแบบแม่พิมพ์ โดยนำดินมาละลายให้เป็นน้ำดินเหลวๆ เทใส่แบบพิมพ์หรือเบ้า กำหนดเนื้อดินของภาชนะหนาหรือบางอยู่ที่การควบคุมระยะเวลาที่น้ำดินอยู่ในแบบพิมพ์หรือเบ้า ถ้าใช้เวลามากเนื้อดินผลิตภัณฑ์ก็จะหนา ถ้าใช้เวลาน้อยเนื้อผลิตภัณฑ์ก็จะบาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของปูนพลาสเตอร์ที่ใช้ทำแบบพิมพ์หรือเบ้าด้วยว่าดูดซึมน้ำได้ดีเพียงใด
- เมื่อชิ้นงานหมาดประมาณ 50% นำชิ้นงานมาตกแต่งด้วยการแกะลาย เซาะร่อง ประกอบลายเครื่องประดับ และเก็บรายละเอียดชิ้นงาน
- ใช้ฟองน้ำชุบน้ำพอหมาด เช็ดเก็บรายละเอียด และตรวจดูความเรียบร้อยของชิ้นงานอีกครั้ง
- นำชิ้นงานที่เป็นดินดิบแห้งสนิทเข้าเตาเผาเพื่อเผาครั้งที่ 1 หรือเรียกว่าการเผาดิบ (Biscuit Firing) ที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส โดยให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ใช้เวลาเผาประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง แล้วทิ้งไว้ให้เย็นตัวตามธรรมชาติอีกประมาณ 12 ชั่วโมง
- นำชิ้นงานออกจากเตามาทำความสะอาดด้วยฟองน้ำชุบหมาดๆ เพื่อเช็ดฝุ่นผงเล็กที่เกาะผิวชิ้นงานออกให้หมด
- นำชิ้นงานมาสร้างสรรค์ลวดลายตามรายละเอียดชิ้นงาน
- นำชิ้นงานที่เขียนสีลวดลายแล้วมาชุบน้ำเคลือบศิลาดลที่ผสมเตรียมไว้ ซึ่งแต่เดิมน้ำเคลือบสีเขียวเกิดจากการนำไม้รกฟ้า และไม้มะก่อ มาเผาเอาขี้เถ้า และดินหน้านาแต่ในปัจจุบันได้พัฒนามาใช้หินปูน หินเขี้ยวหนุมาน แร่เฟสสปาร์ สนิมเหล็ก และดินเหนียวแทน
- นำชิ้นงานไปเผารอบที่ 2 โดยเผาที่อุณหภูมิ 1,260 – 1,280 องศาสเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง การเผาในรอบนี้ใช้การเผาแบบลดออกซิเจน (Reduction Firing) แล้วปล่อยไว้ให้เย็นประมาณ 12 – 15 ชั่วโมง เพื่อให้ชิ้นงานเกิดสีเขียวแตกลายงา หากชิ้นงานมีขนาดใหญ่มากๆ เช่น โอ่งประดับ หรือรูปปั้นต่างๆ อาจต้องรอให้ชิ้นงานมีอุณหภูมิลดลงประมาณ 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเสียหายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภายในเตากระทันหัน
- ตกแต่งชิ้นงานให้เรียบร้อย