ผ้าไหมมัดหมี่ลายคมห้า

กลุ่มงานศิลปหัตถกรรม ประเภทงานหัตถศิลป์ไทย

ผ้าไหมลายมัดหมี่คือลายคมห้า ลายยกดอกคือลายลูกแก้ว ผืนผ้าสีคราม

ประเภทงานหัตถกรรม :
เครื่องทอ
ผู้สร้างสรรค์ :
ขนาด :
กว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร
วัสดุ :
ไหม
อายุ/ปีที่ผลิต :
2562
เว็บไซต์แบรนด์/ชุมชน - เพจชุมขน :
รายละเอียดชิ้นงาน

เทคนิคที่ใช้ : ทอด้วยเทคนิคยกดอกหรือขิดการขิด หมายถึง สะกิดหรืองัดช้อนขึ้น  ดังนั้นการทอผ้าขิดจึงหมายถึงกรรมวิธีการทอที่ผู้ทอใช้ไม้ เรียกว่า “ไม้เก็บขิด” สะกิดหรือช้อนเส้นยืนยกขึ้นเป็นช่วงระยะตามลวดลายตลอดหน้าผ้า แล้วพุ่งกระสวยสอดเส้นพุ่งพิเศษและเส้นพุ่งเข้าไปตลอดแนว ทำให้เกิดเป็นลวดลายยกตัวนูนบนผืนผ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลวดลายซ้ำ ๆ ตลอดแนวผ้า และสร้างสรรค์ลวดลายด้วยเทคนิคมัดหมี่ คือ กรรมวิธีในการทอผ้าอย่างหนึ่งที่สร้างลวดลายก่อนย้อม โดยเอาเชือกมัดด้ายหรือไหมเป็นเปลาะ ๆ ตามลาย เมื่อย้อมสีจะไม่ติดส่วนที่มัดไว้ทำให้เกิดลวดลาย ถ้าต้องการให้มีหลายสีก็ต้องย้อมหลายครั้งจนครบสีที่ต้องการ การย้อมทำได้ 2 วิธีคือ การย้อมเส้นยืนตามความยาวของผ้า และการย้อมเส้นพุ่ง ซึ่งสามารถสร้างลายได้ไม่จำกัดความยาวของผ้า การทอผ้ามัดหมี่ต้องทอด้วยกี่พื้นบ้านที่มีเสาสี่เสาและต้องใช้ฟืม ส่วนการย้อมเส้นพุ่งและเส้นยืนเดียวกันยังมีทออยู่บ้าง ซึ่งทอผ้ามัดหมี่ที่ย้อมทั้งด้ายเส้นยืนและเส้นพุ่งมีคุณภาพดีที่สุด การทอผ้ามัดหมี่ที่ย้อมด้ายเส้นพุ่งนิยมทอด้วยด้ายที่ทำจากเส้นใยพืชและย้อมด้วยสีธรรมชาติ เช่น สีแดงจากครั่ง สีครามจากต้นคราม ปัจจุบันช่างมัดหมี่นิยมใช้นำยากัดสีที่เรียกว่า ฟอกสี คือ เมื่อมัดหมี่ได้สีที่ต้องการแล้ว ใส่น้ำยาฟอกสีลงไปจะทำให้สีจางลง เมื่อนำไปย้อมอีกสีหนึ่ง สีจะสดใส และสามารถย้อมสีได้มากว่าการมัดหมี่แบบพื้นบ้าน การทอผ้ามัดหมี่ทอได้ทั้งผ้าไหมและผ้าฝ้ายซึ่งมีกรรมวิธีคล้ายกัน แต่ส่วนมากนิยมทอไหมมัดหมี่มากกว่า เพราะไหมมีเส้นใยละเอียดและเป็นเงา ทำให้ผ้ามีลวดลายงดงาม

ข้อมูลแหล่งที่มา