ผ้าโฮลเป็นผ้าไหมมัดหมี่ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยเชื้อสายเขมรในจังหวัดสุรินทร์ ผ้ามัดหมี่โฮลถือเป็นลายเอกลักษณ์ของลายผ้าไหมมัดหมี่จังหวัดสุรินทร์ “โฮล” เป็นคำในภาษาเขมร เป็นชื่อเรียกกรรมวิธีการผลิตผ้าไหมที่สร้างลวดลายขึ้นมาจากกระบวนการมัดย้อมเส้นไหมให้เกิดสีสันและลวดลายต่างๆ ก่อน แล้วจึงนำมาทอเป็นผืนผ้าซึ่งตรงกับคำว่า “ผ้าปูม”ในภาษาไทย และคำว่า “มัดหมี่” ในภาษาลาว
ผ้าโฮลโบราณนั้นจะนำลวดลายของผ้าสมปักปูมแบบลายราชสำนักนำมามัดหมี่ และใช้วิธีการทอมากกว่า 1 กระสวย แตกต่างจากผ้าสมปักปูมในอดีตที่เป็นผ้ามัดหมี่ทอกระสวยเดียว โดยในอดีตผ้าสมปักปูมมีจุดเด่นจะอยู่ตรงลักษณะของลวดลาย คือ ชายผ้าเป็นลายกรวยเชิง ซึ่งจำนวนชั้นของกรวยเชิงบ่งบอกถึงชั้นยศของขุนนางผู้ได้รับผ้าบรรดาศักดิ์นี้ บริเวณกรอบผ้าเป็นลายสังเวียนและลายช่อแทงฆ้อง ใช้สำหรับบุรุษนุ่ง เรียกว่า “โฮลเปราะห์” ลวดลายที่โดดเด่นและได้รับความนิยม ได้แก่ ลายเรขาคณิต (ลายดั้งเดิมในผ้าสมปักปูม) ลายนาคเกี้ยว ลายปีดาน (ผ้าเพดานในอดีตใช้เป็นผ้ากั้นบนเพดานแสดงเขตระหว่างสงฆ์กับฆราวาส ลวดลายจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติมักใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา) และลายเชิงเทียน เป็นต้น
ด้วยความงามของผ้าโฮลเปราะห์ทำให้ได้รับความนิยม สตรีส่วนใหญ่จึงเกิดความต้องการจะหามาสวมใส่จึงมีการทอแปลงลายเป็นลายริ้ว เรียกว่า “โฮลสะไรย์” หรือ ผ้าโฮลสตรี โดยใช้วิธีการดึงลายให้เกิดลวดลายอีกแบบหนึ่ง และเพิ่มองค์ประกอบของลวดลาย คือ ลายสายฝน หางกระรอก และคั่นด้วยเส้นพื้นสีแดงจากครั่ง สีเขียวจากเขทับครั่ง และนำเงินจากคราม ซึ่งแตกต่างจากลายโฮลเปราะห์ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผ้าโฮลสตรี คือ บริเวณริมผ้าจะมีเส้นสันนูนขนานไปกันทั้งสองด้านในทิศของแนวเส้นพุ่งอันเนื่องจากการจัดลวดลายแล้วม้วนเส้นไหมที่เหลือสอดเข้าไปในช่องว่างของเส้นยืนจากนั้นทอทับ ทำให้ริมผ้าของผ้ามัดหมี่สุรินทร์มีความหนาและแข็งแรง
“ปัจจุบัน ผ้าโฮลมัดหมี่แบบโบราณหาผู้ทำยากขึ้นจึงควรที่จะร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไว้ให้คงอยู่สืบไป”