ถ้าเราไม่สืบทอด ผ้าซิ่นตีนจก ไท- ยวน ลับแล ก็จะค่อยๆ หายไป เป็นเพียงผ้าที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่วันนี้เราได้นำผ้าเหล่านี้ได้มีชีวิตกลับคืนมา ให้ทุกคนได้สวมใส่ ด้วยการนำลายโบราณมาแกะลายให้ทอได้ง่ายขึ้น
ครูจงจรูญ มะโนคำ เป็นบุตรคนสุดท้องจากจำนวนพี่น้อง 3 คน ในครอบครัวของชาวไท - ยวน บ้านลับแล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่เด็กสาวชาติพันธุ์ไท – ยวน อายุตั้งแต่ 12 ปี จะได้รับการฝึกสอนส่งต่อการทอตั้งแต่การปลูกฝ้ายการ อีดฝ้าย การกวักฝ้าย จนถึงการนั่งหูก หลังว่างเว้นจากงานนา งานสวน ทุกเรือนจะปลูกฝ้ายติดเรือนไว้สำหรับทอผ้าซิ่นตีนจก ถุงย่าม และ ผ้าคลุมไหล่ไว้ใช้สอยในครัวเรือน แต่เพราะเป็นเด็กชาย ครูจงจรูญจึงมักเป็นลูกมือเพียงการกวักไหม การยืนเส้น การกวักผ้าฝ้าย ไม่ต้องลงมือทอเป็นผืนผ้าเช่นเดียวกับเด็กสาวในบ้านลับแล แต่ด้วยใจรัก เขาจึงมักแอบครูพักลักจำขั้นตอนกระบวนการทอไว้ได้เกือบทั้งหมดแม้ไม่ได้นั่งบนหูกทอผ้าก็ตาม
เขาเริ่มต้นการเรียนในระดับประถมศึกษาในโรงเรียนพนมมาศพิทยากร ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนอุตรดิตถ์ หลังจบการศึกษาเขาบ่ายหน้าสู่เมืองหลวง แหล่งเงินแหล่งงานเช่นเดียวกับ หนุ่มสาวต่างจังหวัดในยุคนั้น ระยะเวลาของการทำงานในห้างสรรพสินค้า 9 ปี ได้บ่มเพาะแนวคิดการตลาดให้กับเขาผ่านตำแหน่งพนักงานขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความอิ่มตัวกับชีวิตในเมืองหลวง ทำให้เขาเริ่มมองหาหนทางกลับภูมิลำเนา ด้วยการเรียนเสริมอาชีพช่างตัดผมเพื่อยึดเป็นอาชีพกลับมาเริ่มต้นชีวิตที่บ้านเกิดอีกครั้ง ควบคู่ไปกับรื้อฟื้นงานทอผ้าตีนจก ที่เขามองว่านับวันจะเหลือเพียงผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนที่ยังทอซิ่นตีนจกไท-ยวนไว้ใช้ ไล่นับนิ้วได้ไม่ถึง 10 คน
เขาเริ่มรวบรวมกลุ่มผู้เฒ่า คนหนุ่มสาวของครอบครัวทอผ้าโบราณ ที่ยังคงมีองค์ความรู้การทอผ้าจากบรรพบุรุษ ได้รับตกทอดลายผ้าแบบโบราณ ลายพื้นเมือง หรือบ้านเรือนที่ยังรวบรวมผ้าลายโบราณเหล่านี้ไว้รวมถึงเกาะเกี่ยวชักชวนผู้ที่ยังชื่นชอบผ้าโบราณ เข้ามาจัดตั้งเป็นกลุ่มทอผ้าบ้านคุ้ม- นาทะเล ทอผ้าซิ่นตีนจก ไท- ยวน ลับแลได้ราว 20 คน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รื้อฟื้น กระบวนการกรรมวิธีอย่างโบราณที่ได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทอเป็นผืนผ้ารวมกลุ่มกันจำหน่าย โดยเบื้องต้นมีลูกค้าสำคัญเป็นกลุ่มข้าราชการในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มักเข้ามาซื้อหาผ้าพื้นเมืองไปใช้ตัดชุดเครื่องแบบใส่ทำงานหรือ ร่วมงานบุญตามโอกาสและวาระแตกต่างกันไป ยังความชื่นใจให้กับเขาไม่น้อยที่สามารถปลุกชีวิตให้กับผ้าลายโบราณเหล่านี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
กระทั่งการเข้ามาส่งเสริมให้กลุ่มทอผ้าตีนจกไท – ยวน ลับแล ของกรมพัฒนาชุมชนภายใต้การสร้างผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ที่มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาให้ความรู้ การพัฒนายกระดับ ให้กับกลุ่มทอผ้า พร้อมๆ กับโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาชิกของกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถึงกระบวนการทอผ้า การย้อมสีธรรมชาติภายใต้โครงการฝ้ายแกมไหม ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้กลุ่มได้รับเทคนิควิธีการตั้งแต่กระบวนการเตรียมเส้นไหม เส้นฝ้ายให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ การย้อมสีด้วยวัสดุจากธรรมชาติพร้อมเทคนิคการรักษาเฉดสีให้คงทน รวมถึงการออกแบบลวดลายผสมผสาน นำลายอย่างโบราณในพื้นที่ต่างๆ มาออกแบบให้เป็นคอลเลคชั่นลายผ้าที่ร่วมสมัย จนกลายเป็นอัตลักษณ์ให้กับงานทอผ้าตีนจกไท -ยวน ลับแล ให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น
ความโดดเด่นสำคัญของผ้าซิ่นตีนจกผลงานของกลุ่มทอผ้าบ้านคุ้ม-นาทะเล คือผืนผ้าทอมือลายโบราณที่นำลวดลายโบราณมาออกแบบผูกลายได้สอดคล้องลงตัว ผ่านการเตรียมเส้นฝ้าย และเส้นไหมที่พิถีพิถัน ด้วยขั้นตอนการย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติทั้งหมด ยังคงสีสดใสจัดจ้านคงทนไม่ตก ลอก พร้อมกับการพัฒนาเฉดสีให้เป็นคอลเลคชั่นร่วมสมัย เหมาะแก่การนำไปตัดเย็บชุดผ้าไทยในหลากหลายโอกาสการนำไปใช้งาน ทำให้ผ้าซิ่นไท- ยวน ลับแลของครูจงจรูญ ได้รับการรับรองเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาวในปี 2547 ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทผ้าจกไหมย้อมสีธรรมชาติ จากกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รางวัลตรานกยูงพระราชทาน ในปี 2550 ยิ่งทำให้สนนราคาของผ้าซิ่นไท - ยวน ลับแล มีราคาขึ้นตามความนิยม จูงใจให้คนรุ่นหนุ่มสาวพื้นบ้านหันมาทอผ้ากันแทบทุกครัวเรือนจนมีจำนวนสมาชิกมากถึง 100 คน
สาเหตุที่กลุ่มฯขยายได้อย่างรวดเร็วนี้ นอกจากราคาผืนผ้าที่สูงขึ้นจนคนหนุ่มสาวหันมายึดเป็นอาชีพแล้ว เทคนิคการทอที่ครูจงจรูญออกแบบให้ง่ายขึ้นแม้เป็นลวดลายโบราณที่ผู้เฒ่าผู้แก่น้อยรายจะทอได้ แต่ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้การแกะลายเหล่านี้ง่ายยิ่งขึ้น ผู้ทอทำความเข้าใจได้ง่ายแม้ในลวดลายที่อาจหาไม่พบแล้วในแหล่งทอผ้าแหล่งอื่น กลุ่มสมาชิกฯ สามารถทำตามได้ง่าย เช่นเดียวกับเทคนิคการปักครอสติสต์ อีกทั้งผืนผ้าที่ได้ไร้ปมหรือรอยต่อของเส้นฝ้าย/ไหม ด้วยเทคนิคการทอผ้าซิ่นตีนจก ไท- ยวน ลับแล ที่จกลายจากด้านล่าง จึงทำให้ผืนผ้าที่ได้เป็นระเบียบทั้งด้านบนและด้านล่างของลายผ้าสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งสองด้าน จึงไม่แปลกใจที่ผ้าซิ่นไท- ยวน ลับแล ถูกพูดถึงในความประณีตทุกกระบวนการของการทอ ตั้งแต่การเตรียมเส้นใย การเลือกใช้สีย้อม และลายที่สวยแปลกตากว่าทุกแหล่งนั่นเอง