ทำงานสลักเครื่องหนังใหญ่สืบสานศิลปะช่างสกุลอยุธยาจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์
ครูวีระ มีเหมือน หรือ ครูเจี๊ยบ มีภูมิลำเนาเกิดที่จังหวัดนนทบุรีในครอบครัวเกษตรกรชาวสวนผลไม้ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนศรีบุณยานนท์ จังหวัดนนทบุรี ในระหว่างเรียนได้เข้าการฝึกอบรมการแสดงโขนกับครูหยัด เพิ่มสุวรรณ ครูประพิศ พรหมศร และครูประภา พรหมศร ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่ได้ฝึกฝนตั้งแต่เป็นเขนลิง จนได้รับบทสำคัญในการแสดงโดยลำดับ มีเพื่อนนักเรียนร่วมเรียนเป็นคณะโขนอยู่ประมาณ 70 คน ในระหว่างที่เรียนและฝึกเล่นโขนนั้น ทางโรงเรียนมีดำริที่จะสร้างอาคารโรงอาหาร จึงได้จัดคณะโขนเพื่อแสดงตามสถานที่ต่างๆ จัดเก็บรายได้ นับตั้งแต่นั้น ครูเจี๊ยบจึงได้เริ่มผูกพันตัวกับศิลปะการแสดงโขนในทุกแขนง ทั้งงานเครื่อง งานตัวโขน งานดนตรีและงานเวทีแสงสว่าง
กระทั่งสำเร็จการศึกษาและสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งช่างจัตวาของกรมไปรษณีย์โทรเลข ในเวลาว่าง ครูวีระยังรับงานแสดงโขนอยู่เนืองๆ แม้จะต้องแบ่งเวลามาช่วยงานสวนของทางบ้านด้วยเหตุที่ครอบครัวไม่ใคร่เห็นด้วยกับอาชีพเต้นกินรำกินนัก แต่เพราะใจรัก ครูวีระได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องโขนชักรอก การทำหัวโขน การปักเครื่องโขน จากครูที่มีชื่อเสียงของไทยอาทิ ครูชิด แก้วดวงใหญ่, ครูสงวน รักมิตร เป็นต้น และได้ฝากตัวเป็นศิษย์การทำหนังใหญ่กับครู ม.ร.ว.จรูญสวัสดิ์ สุขสวัสดิ์ จนภายหลังได้รับมอบหมายวิชาการไหว้ครูหนังใหญ่ โขน ละคร และเป็นตัวแทนของ ม.ร.ว.จรูญสวัสดิ์ สุขสวัสดิ์ จนถึงปัจจุบัน
การเรียนรู้ของครูวีระ ใช้วิธีการฝึกฝนและการฝึกปฏิบัติจริงจนเกิดเป็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ องค์ความรู้ ที่ต่อยอดฐานความรู้เดิมที่มีอยู่ทำให้ครูวีระเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในขั้นแนะนำ และถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ได้แก่ การแสดงโขน การทำหัวโขน การพากย์โขน การแสดงหนังใหญ่ การแกะสลักหนังใหญ่ แม้จะมีความเชี่ยวชาญในนาฏศิลป์หลายแขนง แต่แขนงที่ครูวีระเลือกที่จะลงแรงอนุรักษ์ให้คงอยู่คือศาสตร์ของหนังใหญ่ เพราะหนังใหญ่ศิลปะสกุลช่างอยุธยานั้นหาได้ยากนักแล้ว โดยครูวีระยังบอกเล่าว่า หนังใหญ่ที่ชมแล้วได้อรรถรสมีองค์ประกอบตั้งแต่ผู้เชิด ที่ต้องมีลีลารู้จังหวะของตัวละครที่ตัวเองเชิด ตัวหนังต้องสวย เห็นถึงลายฉลุที่คมชัดแสดงเอกลักษณ์ ของตัวละครได้ชัดเจน ในขณะที่เครื่องปี่พาทย์ก็ต้องเล่นได้ไพเราะจับใจ เข้าจังหวะจะโคนกับการแสดงของตัวละครได้อย่างกลมกล่อม รวมถึงตัวบทของหนังใหญ่ต้องไพเราะจับใจ สนุกต่อเนื่อง สุดท้ายคือเสียงพากย์ต้องสามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมให้ติดตามการแสดงในตอนนั้นๆ รวมถึงการสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ชม ด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ผ่านการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างดี จึงจะทำให้การแสดงหนังใหญ่นั้นตรึงตาตรึงใจผู้ชมได้
ความงามลึกซึ้งของการแสงดหนังใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์เชี่ยวกรำของครูวีระ ที่วันนี้น้อยคนนักจะรู้ถึงความวิจิตรดังกล่าว ทำให้เขาฝันอยากจะสลักตัวหนังใหญ่ให้ได้สัก 1 โรงหรือราว 600 ตัวเพื่อจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่สกุลช่างอยุธยาไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้นั่นเอง