คิดอยู่เสมอ จงภูมิใจในอาชีพที่คุณเลือกสรรและทำมันทุกวันด้วยหัวใจ
ครูธนเดช บุญนุ่มผ่อง เป็นชาวอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นบุตรคนโตจากพี่น้อง 3 คน ในครอบครัวชาวประมง ซึ่งละแวกบ้านมีปราชญ์ชุมชนยึดอาชีพเป็นช่างต่อเรือฉลอมจิ๋วอายุ 70 ปี ชื่อ ตามุ้ย ประคำทอง จำหน่ายเป็นของที่ระลึกอยู่ ในวันที่ครูธนเดชไปวิ่งเล่นด้วยอายุเพียง 7 ปี ช่างซักถามด้วยความสนใจ และเก็บความชื่นชอบงานต่อเรือจิ๋วนับแต่นั้น ที่สำคัญวันนั้นสนนราคาเรือจิ๋วของตามุ้ยยังสูงถึงลำละ 700 บาทในขณะที่ข้าวสารยุคนั้นยังขายอยู่ที่ถังละ 20 บาท
ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่ครูธนเดชมองเห็น จึงได้เริ่มรวบรวมแรงบันดาลใจ ในความชื่นชอบเรือจิ๋ว เฉพาะอย่างยิ่งเรือฉลอม ที่ “ตามุ้ย” ต่อขายได้ค่อยๆ หายไปจากชายฝั่งหัวหิน เริ่มต้นเรียบเรียงค้นหาองค์ความรู้เกี่ยวกับการต่อเรือฉลอมรื้อฟื้นความทรงจำในวัยเยาว์จากต้นแบบเรือฉลอมจำลองของตามุ้ย ไล่หาซื้อมาเก็บไว้เพื่อแกะแบบ ประกอบกับบิดาของเขาที่เป็นชาวประมงโดยสายเลือด ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างของเรือที่สำคัญและการทำหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งให้ครูธนเดช และเริ่มลงมือต่อเรือฉลอมจิ๋วตั้งแต่ปี 2532 เรื่อยมา ฝึกฝน เก็บเกี่ยว แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้เฒ่าผู้แก่ในหลายพื้นที่ ที่คุ้นเคย คลุกคลีกับการต่อเรือโบราณลำนี้ ในทุกท้องถิ่น ได้ความว่าเรือฉลอมถือเป็นเรือสินค้าขนาดเล็ก บางพื้นที่ใช้ในการทำประมงชายฝั่ง มีต้นกำเนิดในแถบภาคกลาง แต่โลดแล่นอยู่ทะเลฝั่งอ่าวไทย ในฐานะเรือประมงและเรือสินค้าขนาดเล็ก มีท่าเทียบเรือฉลอม ขึ้นชื่ออยู่ที่อำเภอท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาครที่ชาวประมงต้องรู้จัก
กระทั่งครูธนเดช ได้ออกจากงานจากพิษเศรษฐกิจในปี พ.ศ.2542 ในวัย 41 ปี ความรู้ความชำนาญที่สั่งสมในฐานะช่างต่อเรือจิ๋วสมัครเล่น เพิ่มขึ้นจนถึงระดับมีฝีไม้ลายมือต่อเรือฉลอมจิ๋วเพื่อจำหน่ายได้ ก็ค่อยๆทำและส่งจำหน่ายจนเป็นที่รู้จักในฐานะช่างต่อเรือฉลอมจิ๋วที่มีความละเอียด ได้สัดส่วน สวยงาม ตามตำราว่าด้วยการต่อเรือโบราณทุกส่วน จนได้รับเชิญเป็นวิทยากรสอนการต่อเรือฉลอมจำลองให้กับโรงเรียนสมถวิล เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ภูมิปัญญาการต่อเรือ และในคราวนั้นยังได้ต่อเรือฉลอมจิ๋วจำลองเพื่อตั้งแสดงในศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไว้ 7 ลำ ซึ่ง 1 ใน 7 ลำนั้น ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และผู้นำทูลเกล้าฯได้นำกระแสพระราชดำรัสฯ มาถ่ายทอดว่า “ช่วยบอกคนทำให้อนุรักษ์ไว้ อย่าทิ้ง”
จากกระแสพระราชดำรัสฯครั้งนั้น เป็นเหมือนแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนให้ครูธนเดช ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์ความรู้ด้านการต่อเรือฉลอมจิ๋ว รวบรวมจัดหมวดหมู่การต่อเรือประเภทต่างๆ พร้อมจัดตั้งเป็นกลุ่มหัตถกรรมบ้านของจิ๋ว บ้านหัวหิน เพื่อรวบรวมช่างฝีมือและผู้มีความรักในการต่อเรือจำรอง มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเปิดสอนให้แก่ผู้สนใจทั่วไป เพื่ออนุรักษ์การต่อเรือฉลอมจำลองให้ยังคงอยู่ต่อไป