สร้างสรรค์งานด้วยจิตวิญญาณของคนที่เป็นช่าง จึงทำงานด้วยจิตสำนึก ด้วยจิตวิญญาณ ไม่ทำงานแบบสุกเอาเผากิน ทำงานด้วยความมุ มานะ อดทน เพื่อให้งานสลักดุนโลหะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย
ครูสำเนียงเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่สนใจงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่หลังจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้เข้าเรียนระดับปวช.ที่วิทยาลัยศิลปะหัตถกรรม นครศรีธรรมราช ในสาขาเครื่องโลหะรูปพรรณ ระหว่างเรียนได้ฝึกทักษะการทำงานเครื่องถมกับช่างฝีมือชั้นครูอย่าง อ.นิคม นกอักษร ครูศิลป์แผ่นดินปี 2555 ผู้ก่อตั้งกลุ่มนครหัตถกรรมเพื่อส่งต่องานหัตถศิลป์ ชั้นสูงอย่างงานเครื่องถมตระกูลช่างนครศรีธรรมราชให้คงอยู่ จากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ที่วิทยาลัยเพาะช่าง ในสาขาวิชาเครื่องประดับอัญมณีและเครื่องประดับ
ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาตั้งแต่ระดับปวช. จนถึงระดับปริญญาตรี ครูสำเนียงไม่เคยว่างเว้นจากการทำงานเครื่องประดับเลย เพราะต้องใช้ทักษะเชิงช่างในการทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบ นั่นจึงกลายเป็นการพัฒนาเพิ่มพูนทักษะเชิงช่างของครูสำเนียงให้หาตัวจับได้ยากยิ่งในงานเชิงช่างตระกูลนครศรีธรรมราช โดยความถนัดเฉพาะทางอย่างงานบุดุนหรือสลักดุนในงานเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ เข้าตามียอดผู้สั่งทำเข้ามาต่อเนื่องด้วยความละเอียดของงานที่ครูสำเนียงทำทุกอย่างด้วยความพิถีพิถัน สร้างมิติในชิ้นงานอย่างแตกต่างโดดเด่น ขณะเดียวกัน ยังได้มีโอกาสเพิ่มทักษะงานช่างทองโบราณด้วยบทบาทของนักเรียนสาขาเครื่องประดับอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ได้รับโอกาสในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ในสำนักพระราชวังอยู่เนืองๆ ส่วนใหญ่จะเป็นงานขึ้นรูป บุหุ้มแบบโบราณดั้งเดิมที่หาได้ยากจากงานเครื่องประดับทั่วไป กลายเป็นชั่วโมงบินด้านหัตถศิลป์ให้ครูสำเนียงมีมุมมองและฝีมือเชิงช่างชั้นสูงอย่างหาที่เปรียบได้ยาก