“รังสรรค์งานศิลป์ด้วยความตั้งใจ สร้างงานฝีมือไทยให้เป็นมรดกคู่ชาติ”
ครูไพโรจน์เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ สนใจงานศิลปะตั้งแต่เยาว์วัย มักเป็นนักปั้นมือรางวัล แต่เริ่มต้นเรียนด้านจิตรกรรมไทยจริงจังหลังเป็นนักเรียนที่วิทยาลัยในวัง (วังชาย) แล้วศึกษาต่อระดับปวส.ที่วิทยาลัยเพาะช่างในสาขาเครื่องประดับอัญมณีและโลหะรูปพรรณ โดยในระหว่างเรียนยังได้รับงานซ่อมและสร้างเครื่องประดับโบราณเพราะอาศัยทำงานอยู่กับอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดิน พูดได้ว่าเริ่มจับทำงานเครื่องทองโบราณตั้งแต่อายุ 15 ปีจนสำเร็จการศึกษาก็เข้าทำงานให้กับอาจารย์วีรธรรมมาโดยตลอด
ในระหว่างที่ทำงานก็เริ่มรับงานออกแบบเครื่องประดับเอง กระทั่งเริ่มออกมารับงานออกแบบเครื่องประดับโบราณเต็มตัว ในปี 2554 ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากโครงลายที่เป็นงานโบราณทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องทองโบราณยุครัชกาลที่ 5 ที่มีเสน่ห์งานเครื่องทองแบบยุโรปผสมผสานเข้ามา ซึ่งครูไพโรจน์มักเลือกวาดลายไทยใบเทศ ลายเครือเถา หรือลายกระจังตาอ้อย สอดแทรกจัดวางได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว และให้รายละเอียดการสลักดุนลายที่ละเอียดสร้างมิติให้กับชิ้นงานเครื่องประดับอย่างประณีตบรรจง
งานของครูไพโรจน์ มีความละเอียด ประณีตและงดงามตามแบบฉบับเครื่องทองโบราณของสกุลช่างไทย คงไว้ซึ่งภูมิปัญญาดั้งเดิม กรรมวิธีการขึ้นรูป สลักดุน ลงยาสีและงานบัดกรีโลหะแบบโบราณไว้อย่างครบถ้วน เทคนิคการขึ้นลาย มีหลายเทคนิค เช่น การสลักให้เกิดลาย ยังคงใช้สิ่วตอกด้วยค้อนลงบนแผ่นโลหะให้เกิดเป็นร่องลึกเพื่อให้เป็นลวดลาย หรือภาพชัดเจน โดยไม่ให้เนื้อทองหรือเงินขาดออกจากกัน
เทคนิคการดุนลาย คือการทำลายที่สลักไว้ให้นูนสูงหรือต่ำลง เพื่อเพิ่มมิติให้ชัดเจนบนลายที่สลักไว้ นับเป็นขั้นตอนที่ยากต้องอาศัยทักษะเชิงช่างชั้นสูงของช่างฝีมือแต่ละคน ซึ่งชิ้นงานของครูไพโรจน์เป็นที่ยอมรับว่าสามารถดุนลายงานเครื่องประดับทองโบราณได้อย่างชัดเจนมีมิติ
เทคนิคการสลักดุน เป็นการสลักลวดลายลงบนโลหะที่เรียกว่า “เดินเส้น” เพื่อให้เกิดลวดลาย จากนั้นนำมาดุนด้วยสิ่วหัวกลมจากด้านหลังของชิ้นงานเพิ่มมิติให้ลวดลายที่สลักไว้ ถือเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญในการทำเครื่องประดับทองโบราณ และเทคนิคการลงยาสีเพื่อการประดับอัญมณี มีแบบลงสีร้อนและลงยาสีเย็น ที่ครูไพโรจน์ยังยึดกระบวนการทำงานแบบโบราณนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น
สถานที่